รีวิว the green knight

รีวิว the green knight

รีวิว the green knight

เดอะ กรีนไนท์ ศึกโค่นอัศวินอมตะ หนึ่งในหนังแฟนตาซีฟอร์มยักษ์อีกหนึ่งเรื่องของปีนี้ที่หยิบเอาเรื่องราวของตำนานมาดัดแปลงให้เป็นรูปแบบภาพยนตร์ครับ

ที่กำกับโดย เดวิด โลเวอรี จาก “A Ghost Story” และ “Ain’t Them Bodies Saints” ที่มีนักแสดงชั้นนำอย่าง มีฌอน แฮรีส รับบทเป็นกษัตริย์อาเธอร์ , ราล์ฟ อีนสัน เป็นผู้ให้เสียงอัศวินมรกต และ เดฟ พาเทล ที่รับบทเป็น เซอร์ กาเวน สมทบด้วย โจล เอ็ดเกอร์ตัน, อลิเวีย วิกันเดอร์, ชาริตา เชาธุรี และ แบรี่ คีโอแกน ครับ

จะเล่าถึง เดฟ พาเทล ที่รับบทเป็นเซอร์ กาเวน หนึ่งในสมาชิกอัศวินโต๊ะกลมของกษัตริย์อาเธอร์ที่รับคำท้าของอัศวินมรกตเพื่อพิสูจน์ความกล้าของตัวเอง กาเวนได้ใช้ดาบตัดคออัศวินมรกต แต่ไม่อาจทำให้เขาตายได้ ทำให้อีกหนึ่งปีต่อมา กาเวนจะต้องเป็นฝ่ายให้อัศวินมรกตได้เป็นฝ่ายตัดคอของเขาบ้าง แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการรักษาสัตย์นั้นไม่ง่าย จึงนำไปสู่เรื่องราวการผจญภัยที่ต้องฝ่าด่านทั้งทางจิตใจและทางกาย   หนังแนะนำใหม่

 

หนังแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ที่แฝงไปด้วยปรัชญา ตำนานที่เล่าขานกันมาของเขา อันเชิญมาเสพงานอาร์ตชั้นดีที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีท่วงทำนองที่จัดจ้านและสมดุลอย่างน่าทึ่ง วันนี้ Poodtueng.com จะมา รีวิว เดอะ กรีนไนท์ ศึกโค่นอัศวินอมตะ หนังฟอร์มยักษ์ แต่ขอบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่าผจญภัยสายดาร์กปรัชญาสุด ๆ

ประเภท: ผจญภัย / แฟนตาซี / ดราม่า

ผู้กำกับ: เดวิด โลเวรี่

นำแสดงโดย: เดฟ พาเทล, อลิเซีย วิกันเดอร์, เอริน เคลลีแมน, แบร์รี่ คีโอกัน

ใน The Green Knight เราจะได้เห็นตำนานที่ถูกเล่าขานกันมาช้านานของเรื่องราว “อัศวินโต๊ะกลม” โดยเริ่มเรื่องมาหนังจะพาเราไปรู้จักกับ เซอร์ กาเวน ที่พยายามพิสูจน์ตนเองให้กษัตริย์อาเธอร์เห็นถึงความกล้าในตัวเขา ซึ่งตรงนี้หนังค่อนข้างเล่าเรื่องได้แบบไหลลื่นเหมือนดั่งสายน้ำเลยครับ เหมือนเราได้อ่านนิยายหนึ่งเล่มฟรีๆ

แถมบรรยากาศของหนังชวนสะกดคนดูให้อยู่ในภวังค์ได้แบบทุกตอน แต่ต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยความเป็นปรัชญา อาจจะทำให้คนดูสามารถตีความได้หลายแง่มุม จึงทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ดูยากนิดนึง แต่ไม่เป็นอุปสรรคอะไรอย่างแน่นอนครับ

ด้าน CGI ของหนังเรื่องนี้คือเดอะเบสมาก ที่เหมือนเป็นไฮไลต์ของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ครับสำหรับเรื่องภาพ ส่วนนักแสดงยกให้ เดฟ พาเทล ตีบทแตกมากทั้งการแสดงสีหน้าหรือแม้กระทั่งบทต่างๆเช่นคุยกับผีหรือคุยกับสุนัขจิ้งจอกชอบครับดูลงตัวสุดๆไปเลย  ดูหนัง

รีวิว the green knight

รีวิว the green knight

รีวิว the green knight เดอะ กรีนไนท์ ศึกโค่นอัศวินอมตะ จะเล่าถึง เดฟ พาเทล ที่รับบทเป็นเซอร์ กาเวน หนึ่งในสมาชิกอัศวินโต๊ะกลมของกษัตริย์อาเธอร์ที่รับคำท้าของอัศวินมรกตเพื่อพิสูจน์ความกล้าของตัวเอง กาเวนได้ใช้ดาบตัดคออัศวินมรกต แต่ไม่อาจทำให้เขาตายได้ ทำให้อีกหนึ่งปีต่อมา กาเวนจะต้องเป็นฝ่ายให้อัศวินมรกต   เว็บหนัง

ได้เป็นฝ่ายตัดคอของเขาบ้าง แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการรักษาสัตย์นั้นไม่ง่าย จึงนำไปสู่เรื่องราวการผจญภัยที่ต้องฝ่าด่านทั้งทางจิตใจและทางกาย

เซอร์กาเวนเป็นหลานของกษัตริย์อาเธอร์และเป็นหนึ่งในอัศวินโต๊ะกลม หากแต่ตัวเขายังขาดตำนานเล่าขานเฉกเช่นวีรบุรุษท่านอื่น ในวันคริสต์มาสหนึ่งได้มีอัศวินร่างใหญ่ตัวสีเขียวมรกตได้มาเยือนในงานฉลองของกษัตริย์อาเธอร์พร้อมขวานใหญ่หนึ่งเล่ม และเอ่ยวาจาท้าทายอัศวินคนใดก็ได้ให้มาผลัดกันใช้ขวานบั่นคอ the green knight สปอย

โดยตนเองจะยอมให้อีกฝ่ายลงมือก่อน เซอร์กาเวนอาสารับคำท้าและบั่นคออัศวินมรกตจนศีรษะกระเด็นไป ทว่าอัศวินมรกตกลับหาตายอย่างที่คิดไม่ ลุกขึ้นมาเก็บศีรษะตนเองหน้าตาเฉย และกล่าวก่อนจากไปว่าอีกหนึ่งปีให้หลังเซอร์กาเวนต้องนำขวานเล่มนี้เดินทางไปหาเขาและให้เขาบั่นศีรษะคืนบ้าง ดูหนังออนไลน์

รีวิว the green knight

the green knight การดำเนินเรื่อง

ในระหว่างการเดินทางเมื่อครบกำหนดหนึ่งปีที่สัญญาไว้ เซอร์กาเวนได้พบกับปราสาทหลังหนึ่งมีลอร์ดและเลดี้สูงศักดิ์เชื้อเชิญให้นอนพักค้างแรม ทว่าเจ้าปราสาทได้ขอคำสัญญาว่าในทุกวันเขาจะออกไปล่าสัตว์และจะมอบสิ่งที่เขาล่าได้แก่เซอร์กาเวน ในขณะเดียวกันเซอร์กาเวนต้องมอบทุกอย่างที่ได้รับขณะพำนักในปราสาทนี้แก่เขาเช่นกัน

ในระหว่างที่พำนัก เลดี้สูงศักดิ์และเลอโฉมได้ล่อลวงเซอร์กาเวนต่าง ๆ นานา และในทุกวันเซอร์กาเวนก็ซื่อสัตย์พอที่จะมอบสิ่งที่ตนได้รับจากเลดี้แก่เจ้าปราสาท เช่น กอด หรือจุมพิต เป็นต้น จนเมื่อถึงวันคริสต์มาสเซอร์กาเวนร่ำลาลอร์ดและเลดี้ไปหาอัศวินมรกตเพื่อน้อมรับความตาย ทว่าอัศวินมรกตกลับกลายร่างเป็นเจ้าปราสาทที่ให้เซอร์กาเวน the green knight สปอยตอนจบ

ได้พำนักก่อนหน้า และชื่นชมในความซื่อสัตย์และเกียรติแห่งอัศวินของเซอร์กาเวน แล้วได้ปล่อยให้กลับเมืองไปพร้อมขวานโดยมิได้บั่นคอ กลายเป็นตำนานเซอร์กาเวนและอัศวินมรกตในเวลาต่อมา  ดูหนังออนไลน์

สิ่งที่โลเวอรี่ทำต่อตำนานเซอร์กาเวนเห็นเด่นชัดที่สุด คือลดความเป็นวีรบุรุษและเพิ่มความเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอได้ กลัวตายเป็น ตัวละครเซอร์กาเวนที่ เดฟ พาเทล (Dev Patel) ต้องถ่ายทอดจึงมีมิติความลึกของอารมณ์มากมาย และมีการตัดสินใจที่สมจริง เปิดพื้นที่ให้พาเทลโชว์ทักษะการแสดงได้อย่างดี และเขาก็สร้างตัวละครที่มีพัฒนาการ

แบบสมจริงมาก ๆ จากหลานกษัตริย์ที่ทำตัวเหลวแหลกไปวัน ๆ ถูกผลักดันให้สร้างตำนาน และผ่านการถูกทำลายตัวตนอันจองหองของตนเองด้วยอุปสรรคนานับประการ จากการทอดทิ้งเกียรติของอัศวิน ไปจนถึงการยอมทอดทิ้งเกียรติของมนุษย์ ซึ่งพอเอามาเล่ากับตำนานทรงเกียรติแล้วมันทำให้เห็นความขัดแย้งที่น่าสนใจมาก ๆ ด้วย รีวิวหนังใหม่ชัด

รีวิว the green knight

the green knight จุดเด่น

ต้องบอกว่าแทบทุกตัวละครในเรื่องนี้ แม้จะถูกวางทิศทางการแสดงให้ดูเหนือจริง เหมือนวิญญาณที่อยู่สูงกว่ามนุษย์ มีสถานะของแนวคิดนามธรรมที่เป็นรูปร่างมากกว่าเป็นตัวละครมนุษย์จริง ๆ หลายตัวละครมีความเป็นเทพเจ้าที่เหมือนรู้ความจริงทุกอย่างแต่เลือกแสดงออกว่าไม่รู้เพื่อทดสอบเซอร์กาเวน แต่นักแสดงก็สามารถใช้ทักษะการแสดงที่น้อยแต่มาก เช่นการใช้สายตา สีหน้า การจ้องมอง หรือเสน่ห์ส่วนตัวในการตรึงความสนใจผู้ชมได้อยู่หมัด  the green knight ซับไทย

ทั้ง อลิเซีย วิกันเดอร์ (Alicia Vikander) ที่ต้องรับบทบาทถึง 2 บทบาททั้งคนรักที่เป็นโสเภณีของเซอร์กาเวนที่ต้องแสดงออกถึงความจริงใจแบบสาวชาวบ้าน และเลดี้แห่งปราสาทที่ต้องดูลึกลับและยั่วยวน เป็นอะไรที่คนละขั้วแต่เธอทำได้น่าจดจำทั้งคู่ อีกคนคือ ฌอน แฮร์ริส (Sean Harris) ในบทกษัตริย์อาเธอร์ในวัยชราที่ไม่เหลือเค้าของวีรบุรุษแต่ยังเห็นออร่ากษัตริย์ได้ชัดเจน น่าสนใจว่าตัวละครนี้รู้ตื้นลึกหนาบางขนาดไหน เพราะการแสดงของแฮร์ริสทำให้เกิดคำถามปลายเปิดมากมายทีเดียว

ด้วยความที่ทั้งเรื่องเหมือนมีมนุษย์จริง ๆ เพียงคนเดียว และที่เหลือเป็นเหมือนร่างอวตารของเทพที่ส่งมาทดสอบจิตใจของเซอร์กาเวน มันจึงมีพื้นที่เปิดกว้างมากมายให้เราครุ่นคิดต่อการตอบสนองของตัวละครต่าง ๆ รวมถึงการวางองค์ประกอบภาพ การออกแบบศิลป์ การเลือกพร็อป เลือกใช้สีในภาพ และสื่อสัญลักษณ์ต่าง ๆ มากมายให้ได้ขบคิดตีความเต็มไปหมด

the green knight บทสรุป

รีวิว the green knight  นอกจากบทที่ค่อนข้างโดนเด่นแล้ว อีกสิ่งที่มีเอกลักษณ์และเด่นไม่แพ้กันเลยก็คือ องค์ประกอบศิลป์ต่างๆ ทั้งงานถ่ายภาพและเทคนิคเล่นกับแสงสีต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในนั้น ถือว่าเป็นไฮไลต์ที่ขับความจัดจ้านให้กับหนังได้เป็นอย่างดี และสามารถดึงดูดสายตาผู้ชมเอาไว้ได้ดี โดยเฉพาะมุมภาพและการออกแบบในแต่ละฉาก เห็นได้ชัดถึงความพิถีพิถันในการใส่รายละเอียดลงไปอย่างบรรจง การย้อนสีดูสมดุลและเข้ากับท้องเรื่อง เรียกได้ว่าองค์ประกอบในส่วนนี้ค่อนข้างเป็นสิ่งที่น่าพอใจและชอบไม่เบา  the green knight บทสรุป

ในขณะที่ “เดฟ พาเทล” รับหน้าที่แบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างสบายๆ ตลอด 2 ชั่วโมงของหนัง เขาต้องรับบทหนักกับคาแรกเตอร์หลักที่ส่วนใหญ่จะเล่นคนเดียวด้วยซ้ำ แน่นอนว่าไว้วางใจเขาได้เลยกับการถ่ายทอดชิ้นงานหนังดราม่าเช่นนี้ ทุกอย่างสอบผ่านไปได้ด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าแววตาและอิริยาบถต่างๆ เข้าขั้นมืออาชีพเป็นอย่างดี แม้ว่าตัวบทของคาแรกเตอร์นี้จะส่งเสริมเขาได้เป็นอย่างดี เพราะความมีมิติในบทที่ดูมีชั้นเชิง และน่าจะเป็นอีกหนึ่งบทที่เป็นงานมาสเตอร์พีชของเขาเลย

the green knight โดยรวมหนัง

โดยภาพรวมแล้ว ก็คงจะต้องชื่นชมให้ ศึกโค่นอัศวินอมตะ เป็นหนังที่ทำออกมาได้น่าพอใจ คนที่เคยมีพื้นฐานและเคยอ่านเรื่องราวตำนานนี้มาก่อนก็น่าจะรู้สึกเอ็นจอยไปกับฉบับตีความใหม่ครั้งนี้ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินตำนานนี้มาก่อนและมีดูหนังเรื่องนี้ ก็น่าจะดูได้เข้าใจไม่ยากเท่าไหร่ เพียงแค่ต้องฝ่าด่านการเล่าเรื่องสไตล์บทกวีและโคลงกลอนที่ต้องวิเคราะห์สักหน่อยกับบางฉากบางตอน จึงต้องพูดบอกว่า…นี่เป็นหนังที่ดี เพียงแค่อาจจะไม่เหมาะกับทุกๆ คนที่จะดูแล้วเข้าถึงมัน the green knight สนุกไหม

ประเภท: ผจญภัย / แฟนตาซี / ดราม่า
ผู้กำกับ: เดวิด โลเวรี่
นำแสดงโดย: เดฟ พาเทล, อลิเซีย วิกันเดอร์, เอริน เคลลีแมน, แบร์รี่ คีโอกัน
ความยาว: 125 นาที
กำหนดฉายในไทย: 11 พฤศจิกายน 2021

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *