รีวิว twilight saga new moon
หนัง ‘Twilight’ ภาคแรก ที่เปิดให้เราได้รู้จักกับหนังแวมไพร์แนวใหม่ ใส่ความเป็นหญิงๆ เข้าไป กลายเป็นหนังแวมไพร์แนวใหม่ที่มีสาวๆ ติดกันงอมแงมทั้งบ้านทั้งเมือง ก็เพราะ
พระเอกของเรื่องเป็น Robert Pattinson หล่อและขาวจนสาวๆ อดใจไม่ไหวยังไงล่ะ
ภาคแรก สร้างความแปลกใหม่สำหรับคนที่ดูแวมไพร์เวอร์ชั่นชายๆ มาหลายเรื่อง เกิดหลงไหลในความสวยของ Kristen Stewart ในบทของ Bella Swan นางเอกผู้เป็นมนุษย์แต่ดันรักแวมไพร์หนุ่มสุดหล่อ Edward Cullen สวยคมสมใจ ใครๆ ในโรง (ซึ่งคงเป็นผู้หญิงและผู้ฉิง) เขากรี๊ดพระเอกกัน ผมนั่งมองแต่หน้านางเอกอย่างเดียว
หนังแนะนำใหม่
สำหรับเรื่องราวความรักภาคต่อของแวมไพร์สุดหล่อที่ได้สร้างความแปลกตาให้กับคนดูอย่างเราไปแล้วในช่วงนั้น ซึ่งแอดต้องบอกก่อนเลยว่าสำหรับภาคต่อตอนนี้มันค่อนข้างน่าเบื่อ ยืดยาดไปหน่อย ดูแล้วพาลให้เราเบื่อได้แบบง่ายๆเลย คือดูจนจบเรื่องแล้วยังรู้สึกว่า เนื้อเรื่องมันไม่ได้มีอะไรที่ต้องการจะสื่อให้คนดูอย่างเราเหมือนอย่างในภาคแรก
เท่าไรนัก แถมพระเอกของเรายังออกมาน้อยอีกต่างหาก เรียกได้ว่าออกมาตอนเรื่องใกล้จบก็ยังได้เลย เหมือนภาคนี้จะเน้นไปที่เรื่องราวของมนุษย์หมาป่าที่ไม่ได้สมกับชื่อเรื่องหนังเลยสักนิด ดูหนัง
ชื่อเรื่อง : “The Twilight Saga: New Moon” (แวมไพร์ ทไวไลท์2)
แนว : โรแมนติก แฟนตาซี
นักแสดง : Kristen Stewart, Robert Pattinson, Taylor Lautner, Ashley Greene, Rachelle Lefevre, Billy Burke, Peter Facinelli, Nikki Reed, Kellan Lutz, Jackson Rathbone, Anna Kendrick, Michael Sheen, Dakota Fanning
บทภาพยนตร์ : Melissa Rosenberg
ผู้กำกับ : Chris Weitz
ค่าย : Summit Entertainment
วันฉาย : 20 พฤศจิกายน 2009
เวลา : 02 ชั่วโมง 10 นาที
IMDb : 4.7 (จากทั้งหมด 262,817 โหวต)
รีวิว twilight saga new moon
สำหรับแวมไพร์ ทไวไลท์ 2 นี้เหมือนมีอลิซเป็นตัวละครตัวเดียวที่สามารถสร้างความสดใสให้กับคนดูอย่างเราได้สดชื่นไปตามๆกัน แต่อลิซเธอก็ออกมาอย่างน้อยนิดเท่านั้น แอดเลยต้องขอบอกเลยว่าสำหรับภาคนี้แอดว่ายังไม่ผ่านนะ เพราะถ้าเทียบจากภาคแรกแล้ว ภาคแรกยังทำได้ดีกว่าภาคนี้เยอะมาก อย่างน้อยก็ให้บรรยากาศเหมือนมีแวมไพร์อาศัยอยู่จริงๆ มีความเย็นๆเยือกๆให้คนดูอย่างเรารู้สึกได้ เว็บหนัง
เรื่องราวความรักภาคต่อของ “เบลล่า” (รับบทโดย Kristen Stewart) และ “เอ็ดเวิร์ด” (รับบทโดย Robert Pattinson) หลังจากที่เบลล่าอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์นั้น เอ็ดเวิร์ดก็ตัดสินใจออกไปจากชีวิตของเธอ เพราะต้องการให้เธอไปมีชีวิตแบบคนปกติธรรมดาทั่วไป นั่นทำให้เบลล่าใช้ชีวิตแบบไร้เรี่ยวแรง twilight saga new moon เต็มเรื่อง ไม่คบหากับใครและใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ค้นพบว่า เธอสามารถพบกับเอ็ดเวิร์ดได้อีกครั้งก็ต่อเมื่อเธอตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น นั่นทำให้เธอตัดสินใจทำเรื่องเสี่ยงอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ
การดำเนินเรื่อง
จริงๆ หนังเรื่องนี้แทบไม่จำเป็นต้องรีวิวเลยครับเพราะถ้าคนชอบก็จะชอบ ถ้าไม่ชอบก็จะเฉย และยิ่งไปกว่านั้นคนรีวิวก็ต้องยอมรับความเสี่ยงในระดับหนึ่งเป็นของแถมด้วย
เพราะถ้าบอกว่าชอบก็อาจได้รับคำถาม “ชอบเข้าไปได้ยังไง มีแต่หญิงคลั่งรักและหมู่ชายเปลือยท่อนบน หนังอะไรก็ไม่รู้” หรือถ้าบอกว่าไม่ชอบก็อาจโดนคนที่ชอบล้อมกรอบ “ไม่ชอบก็ไม่ต้องดูสิ ดูแล้วจะเอามาบ่นว่าให้หนังเสียๆ หายๆ ทำไม” ดูหนังฟรี
เอาเป็นว่าอ่านขำๆ เถอะครับ คิดว่าแชร์ๆ แบ่งๆ ความชอบ-ไม่ชอบก็แล้วกัน
ออกตัวก่อนครับว่าผมชอบหนังภาคแรกนะ ในฐานะหนังคนรักกับแวมไพร์ผมว่าหนังถ่ายทอดออกมาไม่เลว ภาพสวย และที่ชอบเป็นพิเศษคือ “แง่คิดว่าด้วยการควบคุมตนเอง” ไม่ว่าจะแวมไพร์อย่างเอ็ดเวิร์ดและครอบครัวคัลเลนที่สามารถเรียนรู้ที่จะคุมตนเองได้ หรือเรื่องความรักหนุ่มสาวที่แม้จะร้อนแรงแต่ก็ไม่ถึงกับขาดสติ ทำให้ผลที่ได้ในหนังภาคแรกถือว่าพอดี มีประเด็นน่าเรียนรู้และน่าขบคิด twilight saga new moon สปอย
พล็อตเรื่อง
ครั้นเรื่องดำเนินมาถึงภาค 2 หนังก็สานต่อความรักของเอ็ดเวิร์ด (Robert Pattinson) กับเบลล่า (Kristen Stewart) ที่ลงเอยด้วยการโบกมืออำลาของเอ็ดเวิร์ด ที่ตัดสินใจออกไปจากชีวิตของเบลล่าเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของเธอ ส่วนเบลล่าก็ปวดร้าวช้ำใจ แม้จะได้เจค็อบ (Taylor Lautner) หนุ่มบึ้กขยันเปลือยท่อนบนมาเป็นคนดามใจ แต่ยังไงเจค็อบก็ไม่ใช่เอ็ดเวิร์ดน่ะครับ อันนำมาสู่การเดินทางของเบลลล่าเพื่อไปตามเอ็ดเวิร์ดกลับคืนมาสู่เธออีกครั้ง ดูหนังใหม่
ภาคนี้มีประเด็นหลักคือการทดสอบว่ารักแท้จะแพ้ระยะทางไหม การที่เอ็ดเวิร์ดกับเบลล่าห่างกันจะทำให้ความรักจืดจางไหม และเบลล่าเป็นจะกลายสาวหลายใจหรือไม่ เพราะเธอยังมีหนุ่มๆ มารุมหลงรักโดยเฉพาะเจค็อบที่หล่อ ล่ำคล้ำบึ้ก ซิกซ์แพ็คแน่นปึ้กและขยันโชว์สินค้า แต่หลังจากผ่านเรื่องราวทั้งหมด มันก็พิสูจน์ได้ว่าเบลล่าก็ยังคงมั่นในรักครับ ถึงขนาดตามไปจิกหัว เอ้ย ไปพาเอ็ดเวิร์ดกลับมา twilight saga new moon ซับไทย
รีวิว twilight saga new moon บทสรุป
ว่ากันถึงพล็อตแล้วภาคนี้ไม่มีอะไรมากในเชิงเนื้อหาครับ แต่จะมีมากในเชิงอารมณ์ ดังนั้นการถ่ายทอดความอ้างว้าง รวดร้าว และเปล่าเปลี่ยวของเบลล่าจึงเป็นหัวใจหลักครับ และผลที่ได้ก็นับว่ายังไม่เข้าเป้านัก ส่วนมากเราจะเห็นภาพแต่ภาพเหล่านั้นไม่ค่อยได้อารมณ์ความรู้สึกสักเท่าไร บางฉากก็ได้ที่ครับ แต่ส่วนใหญ่ออกแนวธรรมดา อันนี้ก็ไม่แปลกใจนักเพราะคนกำกับคือ Chris Weitz ที่ทำ American Pie และ About a Boy ซึ่งเขามักจะทำหนังบอกเล่าในมุมของผู้ชายน่ะครับ แต่กับเรื่องนี้นี่ต้องการพลังหญิงสูงมาก จนแอบเสียดายที่ผู้สร้างไม่รอให้ Catherine Hardwicke มากำกับต่อ
ภาคนี้เลยมีวาระอืดชืดเยอะครับ แม้จะเห็นภาพ รู้ว่าเบลล่าเหงา แต่รัศมีเหงาไม่แผ่ซ่าน ไหนจะปมทางความรู้สึกว่าถ้าเบลล่าแก่ตัวไปเอ็ดเวิร์ดจะรู้สึกกับเธอเช่นเดิมหรือไม่ก็เหมือนเห็นภาพแต่ไม่ถึงใจ และยังไม่ค่อยสัมผัสถึงอารมณ์ “ขาดเธอไม่ได้ แต่ต้องอยู่แบบไม่มีเธอให้ได้” ของเบลล่า “อารมณ์เสียสละ จำใจจำจากแต่ก็จำต้องทำด้วยพลังแห่งรัก” ของ เอ็ดเวิร์ด
ไปๆ มาๆ ที่สัมผัสได้เยอะสุดก็คืออารมณ์ “ลืมพี่ซีดแล้วมาซบซิกซ์แพ็คของพี่เถิด น้องนาง” ของเจค็อบ twilight saga new moon บทสรุป
หนังจะมาดูสนุกหน่อยก็ตอนเบลล่าไปงานวันเกิดของตัวเองที่เกือบจะมีเรื่องบานปลายหลังกระดาษบาดและตอนท้ายที่เบลล่าลุยไปหาเอ็ดเวิร์ด ซึ่งส่วนหนึ่งก็ด้วยพลังดาราครับ
ฉากที่ผมว่าเข้าท่าๆ นั่นชวนให้รู้สึกดูดีด็ด้วยพลังดารา อย่าง Peter Facinelli ในบท ดร. คัลเลนที่แสดงความอบอุ่น ใจดีผ่านหน้าซีดๆ แบบแวมไพร์ ซึ่งผมชอบพี่ท่านมาตั้งแต่ภาคแรกแล้วล่ะครับ, Ashley Greene ในบท อลิซ คัลเลนที่ขโมยซีนได้ทุกครั้งที่โผล่มาบนจอ, Dakota Fanning ในบท เจน แม่สาวแวมไพร์ที่พูดน้อยชนิดนับประโยคได้ แต่มาพร้อมรังสีอำมหิตจนน่าสนใจ และ Michael Sheen ในบทเอโร จอมแวมไพร์แห่งโวลตูรี่ที่มาดให้มากๆ ครับ ลีลาท่าทางพี่แกดูน่าขนลุกและดูมีสง่าราศีดีจริงๆ ยอมรับเลยครับว่าหนังทั้งเรื่องผมไม่รู้สึกอะไรมาก แต่ช่วงไหนที่ Sheen, Greene และ Fanning ขึ้นจอล่ะจะสัมผัสได้ถึงพลังความน่าติดตามขึ้นมาทันที
โดยรวมหนัง
และที่ผมรู้สึกสนใจเป็นพิเศษก็คือ Anna Kendrick ในบทเจสสิก้า เพื่อนของเบลล่าครับ แม้บทจะน้อยแต่รัศมีความน่ารักนี่ฉายแววดีจริงๆ 555 อันนี้ส่วนตัวครับ ส่วนตัว แล้วอีกรายก็คือ Billy Burke ในบทพ่อของเบลล่า ผมว่าพี่แกเป็นคุณพ่อที่น่ารักดีน่ะครับ แต่ภาคนี้บทจะน้อยหน่อย
โดยรวมๆ แล้ว New Moon เป็นตอนที่ต้องทำใจหรีออัดฟีลลิ่งด้วยตัวเองเยอะหน่อยครับ รสชาติค่อนข้างอ่อนสุดในบรรดาหนัง Twilight ส่วนหนึ่งก็เพราะแกนหนังว่าด้วยอารมณ์แต่ผู้กำกับรวมถึงดารานำยังส่งอารมณ์ไปไม่ถึงฝั่ง twilight saga new moon สนุกไหม
อีกอย่างผมรู้สึกชอบสไตล์ภาพจากภาคแรกอยู่น่ะครับ ดูหม่นแต่ก็เจืออารมณ์ลึกลับแฟนตาซีชวนฝัน โดยเฉพาะซีนในป่าที่ทำได้สวยงาม จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าฉากเหล่านั้นหวนมาปรากฏในภาคนี้ แต่ถ่ายทอดด้วยอารมณ์ประมาณว่า “ป่าเดิม หมอกไอจาง ณ ที่แห่งนี้ คือที่แห่งเดิม แต่ไม่มีเอ็ดเวิร์ดอีกแล้ว…” มันจะให้อารมณ์ได้มากเพียงไหนหนา
ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆของเราได้ที่ รีวิวหนังใหม่ชัด