รีวิว the twilight saga : breaking dawn part 1
เดินทางมาถึงภาคที่ 4 กันแล้วกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Twilight หลังจากบทความก่อนหน้าเราได้รีวิวทไวไลท์ภาคแรก, นิวมูน และอีคลิปส์ ไปแล้วนะคะ ซึ่งภาคนี้ก็สนุกและน่าติดตามไม่แพ้สามภาคก่อนหน้าเลย ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยก็คือในภาคนี้คือได้ บิล กอนดอน (Bill Condon) ที่เคยสร้างผลงานกำกับภาพยนตร์เพลง Dreamgirls
มาแล้ว และแน่นอนว่าครั้งนี้เขาก็ทำมันออกมาได้ดีสมชื่อค่ะ ซึ่งในหนังสือเนี่ยภาคเบรกกิ้งดอนมีหนึ่งภาค แต่ทีมผู้ผลิตอยากจะแยกเนื้อเรื่องออกเป็นสองภาค เพราะพวกเขาอยากจะแต่งเสริมรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปอีกนิด แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สนุกเท่าฉบับหนังสือนะคะเพราะนักเขียนสเตเฟนี่ เมเยอร์ (Stephenie Meyer) ได้มาเป็นหนึ่งในผู้เขียนบทอีกด้วย ดังนั้นเนื้อเรื่องหลักจะยังไม่เปลี่ยนแน่นอน หนังแนะนำใหม่
เนื้อเรื่องในภาคที่ก็จะเป็นการเล่าชีวิตรักของเบลล่าและเอ็ดเวิร์ดเป็นหลัก มีทั้งฉากแต่งงานหวานฉ่ำ ฮันนีมูนสุดร้อนแรง รวมไปถึงข่าวดีของคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่ไม่คาดคิดอีกด้วย และแน่นอนว่าภาคที่ก็ยังมีการสู้รบปรบมืออยู่ และศัตรูก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลแต่เป็นฝูงหมาป่าที่เพิ่งจับมือกันถล่มแวมไพร์เกิดใหม่ไปในภาคที่แล้วนั่นเอง
รวมถึงการพยายามเป็นที่ยอมรับของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่ทุกคนต่างมองว่าเป็นภัยร้าย ขอบอกเลยว่าภาคนี้สนุกและน่าติดตามไม่แพ้ภาคก่อนหน้าเลยค่ะ เพราะเราจะได้ล่วงรู้ถึงเรื่องราวความเป็นมาของแวมไพร์เพิ่มขึ้นอีกระดับอย่างที่ไม่คาดฝันมาก่อน…
ชื่อเรื่อง : The Twilight Saga: Breaking Dawn Part I / แวมไพร์ ทไวไลท์ 4 เบรคกิ้ง ดอว์น ภาค 1
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Bill Condon
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Melissa Rosenberg (screenplay), Stephenie Meyer (novel)
นักแสดงนำ : Kristen Stewart, Robert Pattinson, Taylor Lautner, Ashley Greene, Nikki Reed
แนว/ประเภท : Adventure, Drama, Fantasy
เรท : USA/PG-13, ไทย/น15+
ความยาว : 117 นาที
ประเทศ : สหรัฐอเมริกา
ปี : ค.ศ.2011
ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย :
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 1 ธันวาคม 2554
รีวิว the twilight saga : breaking dawn part 1
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น ณ บ้านของตระกูลคัลเลน ที่นี่กำลังจะมีพิธีแต่งงานระหว่าง เบลล่า สวอน (คริสเตน สจ๊วต) และ เอ็ดเวิร์ด คัลเลน เว็บหนัง (โรเบิร์ต แพตตินสัน) ขณะที่พวกเขาทั้งคู่กำลังมีความสุขที่สุดอยู่นั้น ใครบางคนกำลังทุกข์ทรมานเพราะต้องเสียคนที่รักที่สุดในชีวิตไป เจคอบ แบล็ก (เจคอบ แบล็ค) ถึงกับต้องหนีหน้าทุกคนไปยังสถานที่ห่างไกล
เพื่อรักษาแผลใจในครั้งนี้ และเมื่อวันสำคัญมาถึง ภายในงานถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์และคลาคล่ำไปด้วยแขกเหรื่อมากมายที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนสำคัญของเจ้าบ่าวเจ้าสาว และรวมถึงเจคอบที่กลับมาดูหน้าเบลล่าเป็นครั้งสุดท้าย เมื่องานแต่งจบลง ฮันนีมูนสุดสวีทบนเกาะห่างไกลก็เริ่มต้นขึ้น ทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างคุ้มค่า
และสมการรอคอยจนเนื้อตัวของเบลล่าช้ำไปหมด นั่นทำให้เอ็ดเวิร์ดเสียใจและไม่กล้าแตะต้องตัวเธออีกแต่ฝ่ายเบลล่ากลับเชื้อเชิญสุดชีวิตเช่นกัน สุดท้ายวันหนึ่งเบลล่าก็รับรู้ได้ถึงอาการแปลกประหลาดบางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ และทั้งคู่ต้องรีบเดินทางกลับฟอร์คสทันทีทันใดหลังพบว่าเบลล่ากำลังตั้งท้อง the twilight saga สปอย
การดำเนินเรื่อง
ขณะที่กำลังตั้งท้องอยู่นั้นร่างกายเบลล่าทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วและความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเอ็ดเวิร์ดก็เริ่มแย่ลง เพราะเขาไม่อยากเก็บเด็กในท้องเอาไว้ รวมถึงครอบครัวคัลเลนเองก็เริ่มแบ่งออกเป็นสองฝ่าย เรื่องถึงหูเจคอบทำให้เขาโกรธจนบุกมาถึงบ้านคัลเลน หลังจากเปลี่ยนใจเบลล่าไม่ได้เจคอบยอมออกจากกลุ่มหมาป่าแลมา ดูหนังฟรี
ดูแลเบลล่าแทน ทำให้ตัวเขาเองก็มีปัญหากับหัวหน้ากลุ่มเพราะหมาป่าเองก็ต้องการกำจัดเบลล่าที่จะให้กำเนิดแวมไพร์ ส่วนตัวเบลล่าเองก็ต้องอดทนเพื่อให้ลูกของเธอได้ออกมาลืมตาดูโลก ถึงแม้ร่างกายของเธอจะซูบผอมจนเหลือแค่หนังหุ้มกระดูกก็ตาม จนกระทั่งวันหนึ่งเบลล่าต้องทำคลอดกระทันกันแต่ตอนนั้นคัลเลนกำลังออกล่าทำให้
เจคอบและเอ็ดเวิร์ดต้องช่วยกันทำคลอดเธออย่างสุดความสามารถ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความยากลำบากและเบลล่าเองก็มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่น้อยนิด ขณะเดียวกันฝูงหมาป่าที่ซุ่มดูเหตุการณ์ก็พร้อมโจมตีทุกวินาทีหากรู้ว่ามีแวมไพร์เกิดใหม่ลืมตาดูโลก และในเสี้ยววินาทีสุดท้ายหลังจากทารกน้อยได้ออกมาลืมตาดูโลกเบลล่าก็แน่นิ่งไปอย่างน่าใจหายทำให้เจคอบทั้งโกรธและเสียใจจนอยากทำลายเด็กทิ้งเพราะเธอคือต้นเหตุแห่งการสูญเสีย แต่สุดท้ายเค้าก็ลงมือทำร้ายเด็กน้อยไม่ลง the twilight saga เนื้อเรื่อง
ข้อมูลทั่วไปแวมไพร์ ทไวไลท์ 4.1 เบรกกิ้งดอน
แนวภาพยนตร์ โรแมนติก แฟนตาซี แอคชั่น
เขียนบทโดย เมลิซซา โรเซนเบิร์ก
สร้างโดย ซัมมิต เอนเตอร์เทนเมนต์
กำกับการแสดงโดย บิล คอนดอน
ความยาวภาพยนตร์ 117 นาที
ปีที่ออกอากาศ 2554
เรตการรับชม 16+
นักแสดงนำ คริสเตน สจ๊วต รับบทเป็น เบลล่า สวอน
โรเบิร์ต แพตตินสัน รับบทเป็น เอ็ดเวิร์ด คัลเลนเทย์เลอร์
เลาต์เนอร์ รับบทเป็น เจคอบ แบล็ค
นักแสดงสมทบ แอชลี่ย์ กรีน รับบทเป็น อลิซ คัลเลน
นิกกี้ รีด รับบทเป็น โรซาลี ลิลเลี่ยน เฮล คัลเลน
ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด รับบทเป็น วิคตอเรีย
รีวิว the twilight saga : breaking dawn part 1 บทสรุป
Twilight ภาคนี้คือค่อนข้างสร้างมาตรฐานงานแต่งงานไว้สูงมาก เพราะบรรยากาศและชุดเจ้าสาวก็สวยราวกับเทพนิยาย เรารับร้องว่าสาว ๆ จะต้องหลงไปกับฉากนี้เหมือนดั่งต้องมนต์สะกด ซึ่งตอนต้นเรื่องเราจะได้เห็นฉากแต่งงานเล็ก ๆ ที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายเอียดที่สวยงามระหว่างเบลล่าและเอ็ดเวิร์ด ซึ่งธีมต่าง ๆ อลิซน้องสาวเอ็ดเวิร์ดจะเป็นคนคิดค่ะ
ใบหน้าของผู้เข้าร่วมงานต่างก็เต็มไปด้วยความสุขและความยินดี และคนที่มีความสุขที่สุดในฉากนี้ก็คงหนีไม่พ้นคู่บ่าวสาวอย่างเอ็ดเวิร์ดและเบลลานั่นเองค่ะ เรียกว่าเบลล่ารอคอยวันนี้มาทั้งชีวิตเลยทีเดียว ยิ่งฉากจูบหลังกล่าวคำปฏิญาณนี่ยิ่งเขินจนตัวม้วนอย่างกับได้เป็นเจ้าสาวเอง ส่วนตัวเราคิดว่างานแต่งของทั้งคู่สวยและดูอบอุ่นมาก ๆ เลย ไม่จำเป็นต้องจัดงานใหญ่โตอลังการ แต่มีงานเลี้ยงเล็ก ๆ มุมหนึ่งของบ้าน เชิญแขกและเพื่อนสนิทมาร่วมแสดงความยินดีในวันสำคัญของเราแค่นั้นก็พอแล้ว เป็นงานแต่งในฝันของเราเลยแหละ the twilight saga บทสรุป
ถัดจากงานแต่งก็ต้องไปฮันนีมูนตามธรรมเนียมฝรั่ง และซีนนี้อาจจะเป็นโมเม้นท์ที่หลายคนรอคอย เพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่ถึงเกาะ พวกเขาก็สาดความสวีทหวานใส่กันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว และพีคสุดคือเบลล่าดูพร้อมมาก ๆ ในทริปนี้ เพราะเธอตั้งใจแล้วว่าวันนี้แหละที่ฉันจะพิชิตแวมไพร์หนุ่มให้ได้ แน่นอนว่าไม่มีผิดหวังเพราะพวกเขาสวีทกันซะบ้านช่องพังยับเยินจนเจ้าของบ้านอ้าปากค้างไปเลย
การแสดงในฉากนี้ก็ค่อนข้างที่จะดูสมจริงและนอกจากฉากแสดงความรักที่ดุเดือดแล้วเราจะได้เห็นอีกมุมของเอ็ดเวิร์ดที่ทั้งห่วงและห่วงเบลล่าสุด ๆ จนยอมอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้เพราะไม่อยากให้เบลล่าเจ็บตัวไปมากกว่านี้
ภาคนี้คุณเจคอบก็ยังเป็นคนหล่อเท่เหลือเกิน ถึงแม้ว่าเขาจะใจสลายเจ็บเจียนตายกับการ์ดงานแต่งของเบลล่าเขาก็ยังมาร่วมงานในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว แต่แล้วก็ต้องหนีหายไปอีกครั้งหลังจากมีปากเสียงกับเบลล่า(อีกแล้ว) ถึงจะโกรธและเสียใจแต่เจคอบก็ยังกลับมาเมื่อรู้ว่าเบลล่ามีอาการไม่ปกติและตัดสินใจออกจากฝูงหมาป่าเพื่อมาปกป้องเบลล่า ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าจุดจบของเขาอาจจะไม่ได้สวยงามนัก ซึ่งเป็นนิสัยโดดเด่นของหมาป่าที่เมื่อรักใครแล้วจะยอมทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคนรักให้ปลอดภัยแม้ต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็ตาม
โดยรวมหนัง
ในภาคก่อนหน้านี้ดูเหมทอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างฝูงหมาป่าและตระกูลคัลเลนจะดีขึ้นแล้ว แต่หลังจากข่าวการตั้งท้องของเบลล่ารู้ถึงเจคอบก็ทำให้ฝูงหมาป่าพลอยรับรู้ตามไปด้วยเพราะหมาป่านั้นไม่สามารถอ่านความคิดของสมาชิกในฝูงได้ และข่าวดีสำหรับคัลเลนก็กลายเป็นข่าวร้ายสำหรับฝูงหมาป่าควิลยูต เพราะแวมไพร์เด็กนั้นอันตรายมากกว่าแวมไพร์เกิดใหม่มาก และลูกของเบลล่าก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเด็กอมตะที่มีพลังทำลายล้างสูงและไม่สามารถกำจัดได้ และสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ก็เป็นภัยสูงสุดต่อเหล่าหมาป่าทำให้แซมที่เป็นหัวหน้าฝูงต้องจับตาดูครอบครัวคัลเลนทุกฝีก้าวและพร้อมจู่โจมทุกวินาที
ในภาคนี้เราจะได้ฟังตำนานต่าง ๆ เกี่ยวกับแวมไพร์เด็ก และเหตุผลที่ว่าทำไมแวมไพร์เด็กถึงได้อันตรายนัก รวมถึงการหาทางออกเพื่อไม่ให้เด็กในท้องของเบลล่าดูดเลือดเธอไปมากกว่านี้ อีกทั้งท้องของเธอก็โตเร็วผิดหูผิดตาจากการตั้งครรภ์ของมนุษย์ทั่วไป จึงทำให้ทุกคนต้องพยายามประคับประคองร่างกายของเธอให้สามารถอยู่รอดต่อไปจนถึงวันคลอดได้ ซึ่งเราจะเห็นเอฟเฟคที่ทางทีมงานเนรมิตขึ้นมาคือการทำให้ร่างกายของนักแสดงสาวคริสเตน (เบลล่า) ดูซูบผอมเหลือแต่กระดูกได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และเราจะได้เห็นฉากที่เบลล่าพยายามดื่มเลือดสด ๆ เพื่อต้องการให้เด็กน้อยที่อยู่ในท้องของเธอได้รับเลือดโดยตรง the twilight saga สนุกไหม
ฉากทำคลอดที่เบลล่าฝืนทนเพื่อให้ได้มองหน้าลูกนี่คริสเตนแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทำเอาเราลุ้นจนจะคริวแทบจับ โดยเฉพาะตอนผ่าตลอดนี่เรียลสุด ๆ กรีดเป็นกรีด เนื้อเป็นเนื้อ เลือดเป็นเลือด และยังทำให้เราได้ใจหายใจคว่ำไปตาม ๆ กัน เนื่องจากเธอดูเหมือนจะสิ้นลมหายใจไปทันทีที่ให้กำเนิดลูกน้อย เอ็ดเวิร์ดเองก็แสดงฉากสูญเสียคนรักได้ดีมากเช่นกัน ซึ่งตัวเรื่องก็ตัดจบไว้ที่ตรงเบลล่าไม่หายใจแล้ว ทำให้เหล่าแฟน ๆ ต่างคาดการณ์ไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าสรุปแล้วเนื้อเรื่องจะดำเนินไปยังทิศทางไหนต่อไป
และกระแสตอบรับของทไวไลท์ในภาคนี้ก็ยังอยู่ในทิศทางที่ดีอยู่ค่ะเพราะหลังจากเปิดตัวได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ The Twilight Saga: Breaking Dawn – Part 1 ก็ติดหนึ่งในสิบอันดับภาพยนตร์ทำรายได้ช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดตัวสูงสุดตลอดกาล ซึ่งภาคนี้ก็สามารถทำเงินได้ถึง 712.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากทุนสร้าง 110 ล้านดอลลาร์ค่ะ นี่คือรายได้เฉพาะตั๋วภาพยนตร์ ยังไม่รวมรายได้จากการขายของที่ระลึกเลยนะคะเนี่ย แปลว่าแฟน ๆ มากมายยังรักและศรัทธาในความรักของทั้งคู่อยู่ไม่ใช่น้อยเลยนะคะ