รีวิว the nun 2018
หนังย้อนไปในปี 1952 ก่อนหน้า The Conjuring 20 ปี เปิดประเด็นด้วยการแขวนคอของแม่ชีในวิหาร ขนาดใหญ่โตโอ่โถง ณ ประเทศโรมาเนีย ซึ่งการฆ่าตัวตายของแม่ชีเนี่ยถือเป็นบาปหนักมาก (คอนเซ็ปต์เหมือนศาสนาพุทธเลย) ทีนี้ ศูนย์กลางคริสตจักรโลกอย่างนครวาติกันก็ได้ส่งบาทหลวงเบิร์ก และแม่ชีไอรีนซึ่งเป็นแม่ชีฝึกหัดไปสอบสวน
ถึงสาเหตุการฆ่าตัวตาย ซึ่งพอไปถึงที่นั่นทั้งคู่ก็ได้พบเหตุการณ์น่าขนลุกต่างๆ รวมถึงได้รับรู้อดีตของสถานที่แห่งนี้ และได้เผชิญกับปีศาจวาลัคในคราบแม่ชี ผู้อยู่เบื้องหลังการตายของแม่ชีตอนต้นเรื่อง หนังแนะนำใหม่
เรื่องที่ 5 ในจักรวาล the conjuring หลังจากดึงตุ๊กตาผีแอนนาเบลล์ มาเป็นภาคแยกไป 2 เรื่อง ก็ถึงคราวของ ผีแม่ชี ที่ไปสร้างความน่ากลัวจนเป็นที่จดจำใน The Conjuring 2 (2016) ผีแม่ชี ก็เลยได้เป็นผีตัวที่ 2 ที่ได้มีเรื่องราวภาคแยก ที่พาผู้ชมย้อนอดีตไปดูความเป็นมาของผีแม่ชีตัวนี้ และตัวต่อไปที่จะมีเรื่องราวภาคแยกของตัวเองก็คือ
The Crooked Man ผีชุดแดงถือร่มที่โผล่มา 2 ฉากใน The Conjuring 2 เช่นกัน แม้ว่า เจมส์ วาน ผู้ให้กำเนิดจักรวาล The Conjuring ไม่ได้มากำกับ แต่ก็ยังเป็นคนเขียนเรื่องร่วมกับ แกรี่ เดาเบอร์แมน ที่เพิ่งมีผลงานสุดฮิตอย่าง “IT” และเจมส์ ก็ยังนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสร้าง และมาช่วยในขั้นตอนถ่ายทำซ่อมด้วย ดูหนัง
รีวิว the nun 2018
เรื่องราวของ The Nun พาเราย้อนไปในปี 1952 ในทรานซิลวาเนีย ,โรมาเนีย ที่วิหารโบราณในป่าลึก มีแม่ชีสาวแขวนคอตาย ซึ่งเป็นเรื่องผิดบาปมากในคริสตจักร เรื่องราวรู้ไปถึงสำนักวาติกัน จึงส่งบาทหลวงเบิร์ค พระนักสืบไปลงพื้นที่เพื่อหาเบาะแสการตายของแม่ชี พร้อมกับ ซิสเตอร์ไอรีน แม่ชีฝึกหัดให้ไปเป็นผู้ติดตามและคอยช่วยเหลือ เว็บหนัง
ทั้งคู่ยังได้แฟรนชี่ หนุ่มผู้ชำนาญพื้นที่ไปคอยส่งและรับนักบวชทั้งสอง แต่ก็ต้องตกกระไดพลอยโจนอยู่เผชิญความน่ากลัวในวิหารร้างนั้นไปด้วย ทั้ง 3 ยิ่งตามสืบก็ยิ่งเจอเรื่องราวขนหัวลุกมากมาย ก่อนที่จะได้เผชิญหน้ากับ “วาลัก” ที่ปรากฏกายในร่างผีแม่ชี ผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าตัวตายของแม่ชีสาว และทั้ง 3 ก็ต้องร่วมมือกันยับยั้งแผนการร้ายของมัน
บทหนังฝีมือของ แกรี่ เดาเบอร์แมน ทำได้ดีในเรื่องการเพิ่มเติมความลึกลับซับซ้อนเข้าไปในเรื่องราวสยองขวัญ ช่วยเสริมให้ The Nun ดูมีความแตกต่างจากหนังในครอบครัว The Conjuring ที่ไม่ได้ขายความสยองกันอย่างเดียว แต่มีการคลี่คลายปริศนาการฆ่าตัวตาย the nun สปอย สืบหาจุดประสงค์ของวาลักที่มุ่งโจมตีเหล่าแม่ชีในวิหารแห่งนี้ และถอดปริศนา
หาอาวุธมากำราบผีแม่ชี แต่ถึงแม้จะมีเรื่องราวการผจญภัยและปริศนามาสอดแทรก แต่เรื่องความสยองก็ไม่ได้น้อยลงไป 90 นาทีของหนังอัดความสยองมาแบบเต็ม ๆ เพราะหนังไม่ได้มีแค่ผีแม่ชีตามชื่อเรื่องเท่านั้น ยังมีผีเด็ก ผีแม่ชีสาว ที่สยดสยองไม่แพ้กัน แล้วก็ออกมาถี่ ๆ เสียด้วย เป็นหนังผีที่ผีดุ ผีออกถี่ แทบไม่ให้ได้พักหายใจ
การดำเนินเรื่อง
ส่วนที่มีผลต่อความสยองของ The Nun อย่างมากคือการเลือกโลเคชั่น ที่ยกกองถ่ายกันไปถึงโรมาเนียจริง ๆ แล้วที่่น่าชื่นชมมากคือการไปเสาะหาเจอวิหารร้างแห่งนี้ แค่เห็นภายนอกก็ดูน่ากลัวแล้ว และเป็นวิหารที่ดูน่ากลัวจริง กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เพิ่มความน่ากลัวให้กับ The Nun ด้วยความเก่า และทางเดินมืด ๆ หลายซอกหลายหลืบ
มีที่ให้ผีแอบเต็มไปหมด ผีใน The Nun เลือกจะมาในสไตล์ผีซ่อนแอบมากกว่าผีตุ้งแช่ ซึ่งฉากตุ้งแช่ก็มีแต่ไม่เน้น แต่มักจะมาแบบโผล่ตรงนั้น ตรงนี้ แต่พอหันก็หายไป เล่นกับฉากให้ลุ้นกลัวตกใจเสียมากกว่า แต่งานเมคอัปผสมกับงานซีจี ก็สร้างสรรค์ภาพลักษณ์ของผีแต่ละตัวออกมาได้น่ากลัวดี ดูหนังฟรี
ตัวละครหลักในหนังมีแค่ 3 คน คือบาทหลวงเบิร์ค , ซิสเตอร์ไอรีน และ แฟรนชี่ ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นพระเอกของเรื่องและเป็นตัวชงมุกให้หนังช่วยผ่อนคลายได้มาก ทั้ง 3 ทำหน้าที่เป็นตัวละครหลักและเหยื่อในคราเดียวกัน เพราะครึ่งหลังทั้ง 3 แยกย้ายกัน แต่ก็โดนผีหลอกด้วยกันทั้งหมด ก็เลยได้ดูฉากผีหลอกทั้ง 3 คนสลับกันไปมา
และทั้ง 3 ก็ยังเดินตามสูตรบังคับของหนังสยองขวัญคือการขาดต่อมความกลัว ยิ่งเห็นไรแวบ ๆ ได้ยินเสียงแปลก ๆ ในยามค่ำคืน แต่กลับต้องเดินเข้าไปหาแล้วก็เจอดี หัวใจหลักของเรื่องอีกคนก็คือ บอนนี่ แอร์รอน เจ้าของบท “ผีแม่ชี” คนเดิมตั้งแต่ The Conjuring 2 เป็นนักแสดงที่หน้าตาน่ากลัวอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
เหมาะมากกับบทนี้ ทีมงานเมคอัปก็น่าจะชอบเพราะไม่ต้องเสริมเติมแต่งอะไรมากก็น่ากลัวเลย the nun เรื่องย่อ
พล็อตเรื่อง
ยังคงเป็นหนังสยองขวัญที่รักษามาตรฐานของจักรวาล The Conjuring ไว้ได้ คอหนังสยองขวัญดูได้ไม่ผิดหวัง ถึงไม่เคยดูหนังในจักรวาล The Conjuring มาเลยสักเรื่อง ก็สามารถดูได้รู้เรื่อง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอยู่ในระดับต้น ๆ ของหนังจากจักรวาลนี้ ถึงแม้ผีจะออกถี่ ฉากลุ้นสะดุ้งจะมีมาก แต่ก็ไม่ได้มีฉากที่น่ากลัวถึงขั้นน่าจดจำพอให้หยิบมาพูด
ถึงหลังออกจากโรง และไม่ได้น่ากลัวเทียบเท่าการปรากฏตัวครั้งแรกของผีแม่ชีเองใน The Conjuring 2 อีกจุดที่น่าชื่นชมก็คือฝีมือเขียนบทของแกรี่ เดาเบอร์แมน สามารถเชื่อมฉากจบของหนังมาต่อเนื่องกับ The Conjuring 1 ได้อย่างลงตัว แล้วจบแบบปลายเปิดให้สานต่อวีรกรรมสยองของผีแม่ชีได้ต่อไป ดูหนังใหม่
ความน่าตลกขบขันของหนังคือความพยายามอันล้มเหลวในการออกแบบฉาก “ตุ้งแช่” ให้มีความโดดเด่น สะดุดตาและน่าตกใจ โดยในหลายครั้งภาพที่ปรากฏบนจอหนัง กลายเป็นเหมือนการพาคนดูเข้าบ้านผีสิงตามสวนสนุก ซึ่งในหลายครั้ง คนดูก็ควรจะตั้งคำถามกับตัวละครหลักทั้งสามไม่ว่าจะเป็นแม่ชีไอรีณ บาทหลวงเบิร์ค เฟรนชี่
ที่มักจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ควรจะอยู่ อาทิ การพูดว่า “ฮาโหล” กับสิ่งที่อยู่ในเงาดำๆ ตะคุ่มๆ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าในคอนเวนท์ดังกล่าวไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่แล้ว (ในตอนหลัง) การที่พวกเขาวิ่งตามปีศาจจากอดีตไปในป่าช้า หรือกระทั่งการเดินตามผีแม่ชีที่ตายไปแล้ว เพื่อดูให้แน่ใจเป็นหนที่สองว่านั่นคือคน! the nun ซับไทย
รีวิว the nun 2018 บทสรุป
พฤติกรรมสิ้นคิดดังกล่าว ยิ่งทำให้เราตั้งคำถามกับคาแรกเตอร์ของตัวละครทั้งสามว่าตกลงแล้วพวกเขา อยากจะมาค้นหาความจริงที่เกิดขึ้น หรือจริงๆพวกเขาอยากจะพาตัวเองมาเป็นเหยื่อของความน่ากลัวกันแน่ ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งตัวละครพยายามแสดงอาการหวาดกลัว หวีดร้องลั่นโรงหนังแค่ไหน กลับไม่ทำให้คนดูเกิดความรู้สึกตามไปด้วย
(อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่ง) ประกอบกับคนดูไม่มีโอกาสทำความรู้จัก “พื้นที่” ซึ่งหมายถึงปราสาทคอนแวนต์อันแสนลึกลับ เพราะอันที่จริงคนดูมีโอกาสได้เห็นแค่ ห้องแช่แข็ง ทางเดินเข้าปราสาท โบสถ์ ห้องพักชั่วคราวของแม่ชีไอรีณ และคุกมืดใต้ปราสาท ซึ่งทุกอย่างมาในลักษณะ “เป็นห้อง” แยกจากกันโดยเอกเทศน์ คนดูไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า
แผนผังของปราสาทนี้เดินเชื่อมโยงกันอย่างไร ตัวละครเดินไปมาหาสู่กันเช่นไร และท้ายที่สุด เราก็ไม่มีโอกาสรู้จักตัวละครอื่นๆนอกจากตัวละครเดินเรื่องทั้งสามคน เราเลยอุปมาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่า บรรดาแม่ชีคนอื่นๆในคอนแวนต์นี้ไม่น่าจะมีสภาพปกติตั้งแต่แรก
ถึงแม้จะยอมรับว่า The Nun เป็นหนังผีที่ไม่เข้าท่า และความน่ากลัวสอบตกมาตรฐานหนังผีทั่วไป (แต่ได้ความตลกแบบไม่ตั้งใจทดแทน) เราก็ได้แต่หวังว่า หนังเรื่องต่อๆไปในจักรวาลนี้จะให้ความสำคัญกับบทภาพยนตร์ มากกว่าจะเน้นขายแต่ฉากตกใจ ผีหลอก จนกลายเป็นความพร่ำเพรื่อ เพราะอย่าลืมว่าคนดูเสียเงินมา “ทำความเข้าใจกับคาแรกเตอร์” ไม่ได้อยากมาดูคาแรกเตอร์เหล่านั้นตั้งหน้าตั้งตาหลอก (เงิน) คนดูอย่างเดียว! the nun บทสรุป
โดยรวมหนัง
แตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ ในจักรวาลคือ ไม่ค่อย family, ไม่มีเด็ก (มีก็มีแบบมาว้อบ ๆ แวม ๆ เป็นเรื่องเสริมเรื่องรอง), และฟีลจะ Gothic ไปเลย โดยเรื่องเซตอยู่ที่ปี 1952 เรื่องมีอยู่ว่า หนุ่มหล่อชาวไร่ Frenchie (Jonas Bloquet จาก Elle) ไปพบศพแม่ชีแขวนคอตายคาวิหารเก่าแก่ที่นานทีปีหนจะมีคนย่างกรายไปโฉบละแวกนั้น ทำให้วาติกันส่ง
Father Burke (Demián Bichir จาก The Hateful Eight) กับแม่ชีฝึกหัด Sister Irene (Taissa Farmiga จาก The Bling Ring เธอเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนางเอก The Conjuring ทั้งสองภาค ในหนังมี vision เหมือนกัน และหน้าตาคล้ายกันมาก แต่หนังไม่ได้บอกว่าทั้งสองเกี่ยวดองกันหรือไม่อย่างไร) มาตรวจสอบว่าสถานที่แห่งนี้ยังศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่
เอาจริง เนื้อเรื่องภาคนี้ไม่มีอะไรมากจริง ๆ เหมือนเอาเรื่องเล็ก ๆ มาเล่าเป็นเรื่องยาว ๆ โลเกชั่นก็อยู่แต่ในวิหารทั้งเรื่องเลย แต่จริง ๆ หนังก็ไม่ได้ยาวมากนะ แค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ต่างจากเรื่องอื่น ๆ ในจักรวาลที่ยาวสองชั่วโมงอัพ (ก็อย่างที่บอกอะนะ เรื่องไม่มีอะไรมาก) ฉากน่ากลัว ๆ ก็มีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไร และมีฉากตุ้งแช่ (jump scare) ค่อนข้างหลายครั้ง แต่ก็เดาได้เกือบทุกครั้งว่า “นี่แหละ ๆ แพลนกล้องแบบนี้แหละ เดี๋ยวผีจะมาตุ้งแช่ตรงนี้แหละ”
โดยสรุป ไปดูได้ แต่อย่าคาดหวังมาก ถ้าเคยดูเรื่องอื่น ๆ ในจักรวาลมาแล้ว ก็ควรมาเก็บให้ครบ the nun น่ากลัวไหม
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 6.5/10 รีวิวหนังใหม่ชัด