รีวิว the hunt

รีวิว the hunt

รีวิว the hunt

จับ ฆ่า ล่าโหด

จะกล่าวถึงกลุ่มคนที่ถูกจับมาปล่อยสถานที่หนึ่งที่ห่างไกลจากผู้คน ซึ่งคนเหล่านั้นล้วนถูกจับมาเพื่อเป็นเหยื่อการล่า โดยไม่มีเงื่อนไขการรอดชีวิตหรือกฎกติกาใดๆทั้งสิ้น รู้แค่เพียงต้องรอดหรือตายเท่านั้น กระนั้นคำถามคือทำไมต้องเป็นพวกเขาที่ถูกจับและทำไปเพื่ออะไรกันแน่

พล็อตหนังคือจับคนมาเล่นเกมล่าชีวิต ซึ่งว่าตามตรงควรปราณีตัวละครไว้บ้าง เพราะไม่ทันพ้นครึ่งเรื่องก็ตายกันเกือบหมดแล้ว ทำให้มุมมองของเกมล่าชีวิตลดน้อยลง พอเหลือน้อยลงเท่ากับลูกเล่นก็น้อยตามไปด้วย มีเหลือเพียง คริสตัล (Betty Gilpin) หญิงสาวที่เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกจับมาเป็นเหยื่อเกมไล่ฆ่า แต่หารู้ไม่ว่าคนที่ถูกไล่ล่าจะเปลี่ยนมาเป็นไล่ฆ่าแทน  หนังบู๊

อารมณ์ของหนังจัดว่าโดดกระจุยมากในตอนแรก บทจะตายก็ตายกันระนาว บทจะแกร่งก็เก่งผิดหูผิดตา ซึ่งการทำแบบนี้เป็นการเปรียบเทียบระหว่างคนจริงกับคนธรรมดาเป็นยังไง แน่นอนว่าการจับคนที่ไม่รู้ประวัติมาเล่นเกมเท่ากับได้เปลี่ยนคนที่ไล่ฆ่าเป็นถูกฆ่าเสียเอง จากความหดหู่(แอบตลกร้ายนิดๆ)ที่ได้รับเปลี่ยนเป็นความสะใจที่ได้เอาคืนอย่างสาสม      ดูหนัง

ชอบนักแสดง Betty Gilpin เป็นอย่างมาก บทความห้าวหาญที่บู๊ได้ตั้งแต่หน้าตาบวกกับความกวนประสาทที่ไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ฉากธรรมดาบางฉากออกมาบันเทิงกว่าที่คิด แล้วที่เหนือกว่าคือการเขียนบทให้เหนือกว่าทุกคนจนเกินหน้าเกินตา หากเทียบเป็นค่าประสบการณ์เท่ากับแต่ละคนอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่นี่มาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ลิงโลดอยู่คนเดียว

รีวิว the hunt

รีวิว จับ ฆ่า ล่าโหด  ว่ากันตามตรงหนังจับเนื้อหาไม่ค่อยอยู่ แต่สิ่งที่ได้มากๆคือความกวนที่ไม่ควรมี บางฉากดูทำเป็นเล่นแต่เจ็บหนักเจ็บจริง แต่ที่ไม่ธรรมดาอย่างที่สุดคือเหตุผลของการจับคนมาเล่นเกมล่าชีวิต ซึ่งฟังดูแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่าจะทำกันได้ขนาดนี้ สาเหตุมาจากเรื่องเล็กที่มองข้ามก็ไม่มีอะไร แต่ดันสะดุดคนที่คิดอคติจนบานปลายเป็นเรื่องซุบซิบนินทาในโลกโซเชียล ผลคือการงานต้องพังเพียงเพราะพูดเล่นกันเท่านั้น    เว็บหนัง

การพูดเล่นในโซเชียลกับบางคนที่รู้จักย่อมไม่มีปัญหา แต่เกิดไปถึงคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยต้องคิดว่าเป็นเรื่องจริง อย่างการจับคนมาเล่นเกมล่าชีวิตที่พูดกันเล่นๆ แต่คนอื่นดันคิดว่าจริงจนเกิดกระแสแชร์แล้วแชร์อีกจนชื่อเสียงพังยับ เมื่อหน้าที่การงานต้องพังเพราะความเข้าใจผิดนี้ ทำให้เปลี่ยนสถานะพูดเล่นมาเป็นพูดจริงทำจริงซะเลย โดยคนที่คัดมานั้นก็ล้วนมาจากคนที่แชร์ข่าวนั้นเอง ช่างเป็นเหตุผลที่บ้าเลือดดีเดือดและขี้น้อยใจซะจริง

ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนจะแชร์ข่าวอะไรก็ตามในโซเชียล ขอให้ไตร่ตรองให้รอบคอบซะก่อน มิเช่นนั้นข่าวนั้นอาจทำร้ายและทำลายใครบางคนอยู่ แม้จะไม่รู้จักเลยก็ตาม แต่นั้นเป็นเรื่องผิดที่ขอให้คิดสักนิดก่อนแชร์ มิเช่นนั้นอาจถูกหมายหัวจับมาเล่นเกมล่าชีวิตที่บอกก่อนว่าไม่สนุกเหมือนในโซเชียลแน่นอน  the hunt สปอย

การดำเนินเรื่อง

พล็อตของ The Hunt จะว่าไปก็ไม่ได้ใหม่อะไรครับ นั่นคือการจับเอาคนแปลกหน้ามาปล่อยไว้ในป่าแห่งหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะโดนไล่ล่าฆ่าให้ตายประหนึ่งเกมกีฬาของคนจิตโหด ที่เหลือที่ต้องตามดูก็คือใครจะรอดเป็นคนสุดท้าย และตกลงใครเป็นคนจับพวกเขามาเล่นเกมโหดแบบนี้กันแน่  ดูหนังฟรี

หนังจัดว่าดูได้เรื่อยๆ ตามสไตล์ครับ มีฉากโหดประเภทเลือดสาด อวัยวะกระจุยอยู่เยอะเหมือนกัน ในแง่ความลุ้นก็ถือว่าหนังมีให้พอประมาณครับ ส่วนหนึ่งก็คงต้องขี้นกับคนดูด้วยว่าชินกับหนังแนวนี้หรือยัง หากใครชินแล้วก็อาจเดาทางได้ และไม่ถึงกับลุ้นอะไรมาก แต่หากใครใหม่กับหนังแนวนี้ก็อาจรู้สึกลุ้นมากกว่าหน่อย

ส่วนผมก็กลางๆ ครับ ดูได้เพลินๆ รู้สึกว่าหนังก็น่าติดตามดี ดูไปก็คิดไปว่าใครจะอยู่ใครจะตายบ้าง มันอาจไม่ได้ลุ้นแบบเสียวไส้ แต่ลุ้นแบบว่า “เรื่องราวจะพาเราไปทางไหน” มากกว่า

ผมชอบการแสดงของ Betty Gilpin ครับ รายนี้หน่วยก้านดีมาก หน้าตาท่าทางดูมีเอกลักษณ์ มีความแกร่งผสมความกวน มุมหนึ่งก็ดูไม่น่าไว้ใจอยู่เหมือนกัน ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีตามที่บทกำหนด บางคนก็มาเร็วเคลมเร็วจนไม่ถึงตั้งตัวเหมือนกัน  the hunt สปอยหนัง

รีวิว the hunt

พล็อตเรื่อง

อีกคนที่ชอบคือ Hilary Swank ครับ บทที่เธอได้รับถือว่าเหมาะมากๆ ทั้งแววตาสีหน้าดูเป็นคนหยิ่งผยอง และเป็นคนที่ถนัดในการคุมเกม มีบทอาจไม่เยอะ แต่เวลาโผล่มาทีไรก็ได้ใจทุกที

โดยรวมแล้วผมสนุกกับหนังครับ ดูไปเรื่อยๆ ตามเรื่องไปเรื่อย ดูว่าใครจะตายยังไงบ้าง หรือใครจะรอดเพราะอะไรบ้าง ถือว่าหนังเดินเรื่องกำลังเหมาะ ไม่ช้าเกินไป แต่ก็ไม่ได้ไวเว่อร์ ซึ่งหนังกำกับโดย Craig Zobel ที่ส่วนใหญ่มักจะกำกับซีรี่ส์เป็นหลัก ส่วนผลงานของเขาที่พอจะเคยผ่านตาก็คือ Z for Zachariah ซึ่งก็บอกได้อย่างหนึ่งครับว่าเรื่องนี้ถือว่าทำได้ดีกว่าเรื่องนั้นพอสมควร  ดูหนังใหม่

พอดูจบผมก็สรุปอยู่ในใจน่ะนะครับ สรุปว่าโอเคกับหนัง มันก็ดูสนุกดี และผมออกจะชอบการจิกกัดสารพัดที่มีในหนังด้วย ซึ่งหนังก็จิกไปทั่วครับ ไม่ว่าจะคนเหยียดเพศ-ไม่เหยียดเพศ,คนเหยียวผิว-ไม่เหยียดผิว, คนรวย-คนจน, คนชนชั้นสูง-คนรากหญ้า, คนที่ชอบสร้างทฤษฎีสมคบคิด-คนที่เป็นตัวละครอยู่ในทฤษฎีสมคบคิดนั้นๆ ฯลฯ ประโยคจิกกิดชวนคิดก็มีมาเรื่อยๆ ก็ทำให้หนังมีความน่าสนใจไม่เลว

และที่ออกจะชอบมากหน่อยคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เกมนี้มีขึ้นครับ ชนวนเหตุมันดูสมเหตุผลนะ ขณะเดียวกันมันก็เสียดสีโลกได้ดีเหมือนกัน จุดนี้ไว้ว่าอีกทีในโซนสปอยล์นะครับ

เอาเป็นว่าหนังเพลินดีครับ แต่ใครไม่ชอบฉากโหดๆ ก็บอกไว้ก่อนว่ามันฆ่ากันโหดอยู่ และยังฆ่ากันทั้งเรื่องด้วย ดังนั้นใครไม่สันทัดหรือดูไม่ไหวก็ข้ามไปได้ครับ แต่ใครชอบหนังแนวนี้ก็ลองดูได้ หนังถือว่าน่าพอใจใช้ได้เหมือนกัน มันอาจยังไม่ถึงขั้นลงตัวกลมกล่อมสุดๆ มีจุดเชื่องช้าบ้าง แต่รวมๆ แล้วก็ดูเพลินดี the hunt เนื้อเรื่อง

รีวิว the hunt

รีวิว the hunt บทสรุป

รีวิว จับ ฆ่า ล่าโหด  สรุปว่าการที่เกมไล่ฆ่านี่มันเกิดขึ้นก็เพราะความบังเอิญแบบซวยๆ ครับ ประมาณว่าคนระดับผู้บริหารกลุ่มหนึ่งเขาคุยกันเล่นๆ พูดเล่นๆ เกี่ยวกับเกมจับคนมาไล่ฆ่า (กล่าวคือตอนนั้นเกมนี้ยังไม่มีครับ แค่พูดเปรียบเปรยเล่นๆ ในแชทไลน์เท่านั้น)

แล้วทีนี้ดันมีคนรู้ แล้วก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง แล้วก็สร้างเป็นทฤษฎีสมคบคิดเป็นตุเป็นตะจนเรื่องเกมไล่ฆ๋านี่เป็นที่พูดถึงไปทั่ว ทีนี้ข่าวมันเลยส่งผลแคนนอนกลับมายังกลุ่มผู้บริหารที่คุยเล่นกัน มันทำให้พวกเขาโดนเด้งครับ ตกงานกันหมด – ผมชอบฉากที่อาเธน่า (Swank) ตะโกนตอนกำลังจะโดนไล่ออกว่า “ใครมันบ้าเชื่อเรื่องพรรค์นี้วะ” มันสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของเธอได้ชัดมากๆ  the hunt บทสรุป

ทีนี้พอพวกเขาตกงาน แต่ก็ยังพอจะมีอำนาจและเงินทองมากประมาณหนึ่ง พวกเขาเลยรวมตัวกันทำให้เกมนี้เกิดขึ้นมาจริงๆ ซะเลย และคนที่ถูกพวกเขาจับมาไล่ฆ่านั้นก็คือคนที่เคยกล่าวพาดพิงพวกเขา ไม่ว่าจะคนคิดทฤษฎีสมคบคิด หรือคนที่เคยโพสต์ด่าพวกเขาในเน็ทอะไรทำนองนี้ นี่แหละครับที่มาของเกมไล่ฆ่า The Hunt

ยอมรับครับว่ารู้สึกชอบ มันดูมีเหตุผลผสมความบ้าคลั่ง ทำให้ตระหนักว่าทุกอย่างมันมีความเกี่ยวเนื่องกันได้เสมอ อย่าคิดว่าสิ่งที่เราทำมันจะไม่ส่งผลกระทบไปถึงใคร

แล้วหนังยังมาหักมุมอีกดอกหนึ่งตรงที่คริสตัล (Gilpin) ตัวเอกของเรื่องเฉลยว่า เธอโดนจับมาผิดตัว ประมาณว่าคนที่โพสต์ด่าพวกผู้บริหารน่ะมีอยู่คนหนึ่งที่ชื่อเหมือนเธอ แต่ไม่ใช่เธอ เธอไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย แต่ดันโดนจับมา และเธอนี่แหละครับที่กลายเป็นหายนะล้างบางพวกผู้บริหารในเกมนี้จนหมด

โดยส่วนตัวผมมองว่ามันสะท้อนถึงเรื่อง “พลังเงียบ” อยู่เหมือนกันนะ คริสตัลนี่ก็เป็นเหมือนคนทั่วไปที่อาจไม่ได้แสดงความคิดเห็นโพสต์ลงเน็ทหรือออกหน้าออกตาพูดอะไรสักอย่าง แต่เป็นคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตของตัวเองไป ทำหน้าที่ของตัวเองไป แต่ถึงจะไม่แสดงออกหรือไม่ออกมาแสดงความเห็น แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่มีความคิด ใช่ว่าเธอจะไม่รู้อะไรกับเขาเลย และที่สำคัญคือ “ใช่ว่าเธอจะไม่มีดีอะไร”

รีวิว the hunt

โดยรวมหนัง

หนัง the hunt เล่าเรื่องชนชั้นแรงงานหรือคนบ้านนอก (เราใช้คำนี้ตามที่ในหนังเค้าใช้) จำนวน 12 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนขาวและค่อนข้าง conservative (ภาษาอังกฤษเรียก “redneck”) ถูกลักพาตัว และตื่นขึ้นมากลางป่าแห่งหนึ่งอย่างงง ๆ ก่อนที่จะรู้ตัวว่าพวกเขากำลังถูกไล่ล่าโดยพวก liberal elite (หรือ “blue blood”) นำโดย Athena (Hilary Swank นักแสดงออสการ์นำหญิงสองสมัย) แต่การล่าครั้งนี้มันไม่ง่าย เมื่อ Crystal (Betty Gilpin จาก Isn’t It Romantic) หนึ่งในคนที่ถูกล่า กลับมีสกิลการต่อสู้และเคยเป็นทหารเก่า ทำให้ผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่าด้วยเช่นกัน  the hunt สนุกไหม

ในเวลาประมาณ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง หนังดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็ว และมักมีความรุนแรง ชนิดที่เราต้อง ทำหน้าเหยเก/ปิดตา/อ้าปากค้าง/เอามือทาบอก แบบมิทันได้ตั้งตัวอยู่บ่อย ๆ แต่ถึงแม้หน้าหนังจะเหมือนหนังไล่ล่าฆ่าฟัน แต่ความโหดหรือฉากแอ็คชั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื้อหาจริง ๆ ของหนังเต็มไปด้วยไดอะล็อกที่ตลกร้าย เสียดสีการเมือง เพศ สีผิว เชื้อชาติ พอ ๆ กับพล็อตที่เน้นเสียดสีระบบชนชั้น และมี refer ถึง “Animal Farm” แต่กระนั้น สำหรับเรา THE HUNT เป็นหนังที่ดูฆ่าเวลา และไม่จำเป็นต้องดูก็ได้ เพราะยังห่างไกลจากคำว่ามาสเตอร์พีซ และยังถือว่ากลาง ๆ สำหรับมาตรฐานหนัง. Blumhouse

โดยสรุป มันไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง แต่ก็พอดูสนุกอยู่บ้าง คะแนนตามความชอบส่วนตัว 6.5/10   รีวิวหนังใหม่ชัด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *