รีวิว the dictator

รีวิว the dictator

รีวิว the dictator

หนังตลกเสียดสีล้อเลียนจอมเผด็จการ ปี 2012 ว่าด้วยเรื่องราวของประเทศวาดิยา (ประเทศสมมุติ) ที่ถูกปกครองโดยจอมเผด็จการอย่าง Aladeen ที่ไม่ยอมที่จะสูญเสียความเป็นเผด็จการเพื่อเปลี่ยนตัวเองไปเป็นประชาธิปไตย เห็นใครทำอะไรไม่ถูกใครต้องอุ้มฆ่ากันเลยทีเดียว   หนังตลกน่าดู

เรื่องราวในเรื่อง The Dictator บอกเลยว่าวุ่นวายสุดๆ เมื่อมีคนหักหลัง Aladeen เขาถูกจับโกนหนวดและนำตัวปลอมมาแทนที่เขา เนื่องจากต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย งานนี้ Aladeen ผู้นำจอมเผด็จการที่บริหารประเทศอย่างโหดเหี้ยมและขี้โกงสมบูรณ์แบบ เพียงชี้นิ้วสั่งการทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นไปดั่งใจปรารถนาจะ

สามารถทวงคืนตำแหน่งที่เขาคิดว่ามันเป็นของเขากลับมาได้หรือไม่ หนังค่อนข้างเน้นไปทางมุขตลกเสียดสีล้อเลียนการเมืองและจัดได้ว่าเป็นเรท 18+ ของบ้านเรา ก็แอบเจ็บอยู่เด้อ ถ้าใครๆ หลายๆ คนได้ดูเรื่องนี้บอกเลยว่าคุ้นและจะทำให้นึกถึงเผด็จการบางคนแน่นอนเลยล่ะ (ใครกันน้า?)  ดูหนัง

รีวิว the dictator

รีวิว จอมเผด็จเกรียน  แน่นอนว่าประชาธิปไตยที่ใครต่อใครนับถือ ถือว่าเป็นศัตรูกับความเชื่อของจอมเผด็จการ Aladeen หนังเรื่องนี้ดูไปก็ขำไปแหล่ะ แต่ก็มีแอบฉุดคิดขึ้นมาด้วยว่ามันคล้ายเผด็จการคนไหนน้าาาา? ดูไปแล้วก็ลุ้นว่านายพลอลาดีน เขาจะเอายังไงกับชีวิตต่อไปของเขากันนะ อลาดีนต้องกลายเป็นโฮมเลสอยู่ในสหรัฐ อำนาจ ชื่อเสียง เงินทองที่เขาเคยมีนั้นหายไปเพราะคนจำไม่ได้ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากนางเอก เธอได้เสนองานให้แก่อลาดีน และทำให้เป็นคนที่ดีขึ้น  เว็บหนัง

The Dictator กำกับโดย แลร์รี่ ชาร์ล และนี่เป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 3 สำหรับผู้กำกับจอมล้อเลียนเรื่องเชื้อชาติและนักแสดงที่พร้อมแปลงโฉมอย่าง ซาช่า บารอน โคเอน โดยหลังจากหนัง 2 เรื่องแรกค่อนข้างประสบความสำเร็จในด้านคำวิจารณ์และรายได้ อย่าง Borat และ Bruno เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยถ้าหากหนังเรื่องที่ 3 ของพวกเขายัง

มาพร้อมกับลูกบ้าจากการแสดงและมุกตลกแนวเหยียด ซึ่งต้องขอเตือนไว้ก่อนว่า ใครที่ไม่ชอบมุกตลก หรือไม่ชอบประเด็นการล้อเลียนใน Borat ก็คงจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ด้วยอย่างแน่นอน เพราะในเรื่องมันก็เต็มไปด้วยมุกตลกแนวเหยียดเชื้อชาติทั้งนั้นเลย  the dictator สปอย

การดำเนินเรื่อง

เป็นภาพยนตร์เก่าในปี 2012 ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี เรากลับรู้สึกว่าประเด็นในหนังไม่เก่าเลย ในวาระที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายเน็ตฟลิกซ์ตั้งแต่ปลายปี 2018 (แบบไม่มีการประกาศเลื่อนเหมือนการเลือกตั้งบางประเทศ) เราขอนำประเด็นน่าสนใจในหนังมาปัดฝุ่นเล่าเรื่องเก่าในวันใหม่นี้ดีกว่า    ดูหนังฟรี

เล่าเรื่อง “นายพล ฮัฟฟาซ อลาดีน” ผู้นำจอมเผด็จการแห่งประเทศวาดิยาแถบแอฟริกาเหนือ เขามีแนวคิดสุดโต่งในการเป็นเผด็จการ และต่อต้านทุกอย่างที่เป็นประชาธิปไตย ทว่าเรื่องราวกลับตาลปัตรเมื่อเขาได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมในสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกา เขาถูกลักพาตัว โกนหนวดเครา ก่อนได้รับความช่วยเหลือจาก

“โซอี” หญิงสาวนักเคลื่อนไหวในสังคมที่ทำให้เขาเห็นความสวยงามของประชาธิปไตย ในแง่โปรดักชัน ตัวนักแสดง ซาช่า บารอน โคเอน ผู้รับบท นายพลอลาดีน และผู้กำกับ แลร์รี ชาร์ล เคยทำงานร่วมกันมาแล้วใน Borat (2006) และ Bruno (2009) ทั้งสองเรื่องนี้เต็มไปด้วยมุกตลกร้าย การเสียดสี และอารมณ์ขันเจ็บ ๆ   the dictator สปอยหนัง

รีวิว the dictator

พล็อตเรื่อง

โดย The Dictator ยังคงสไตล์เหมือนเดิมในแง่มุมใหม่อย่างเผด็จการ เล่าเรื่องตลกร้าย หยอกล้อ และเสียดสีนิสัยเผด็จการในทุกรูปแบบ ตั้งแต่การปกครอง ความคิด กีฬา กระทั่งวัฒนธรรม เราจะเห็นตั้งแต่ต้นเรื่องถึงโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับเขาว่า เกิดปี 1973 คุณแม่เสียชีวิต (ถูกฆาตกรรม) หลังคลอดทันที ทำให้อลาดีนเป็นบุตรคนเดียวของ

จอมเผด็จการคนก่อน “โอมาร์ อลาดีน” ซึ่งขึ้นสืบทอดอำนาจตั้งแต่วัย 7 ขวบ ไม่แปลกใจที่เขาจะ “ได้” ทุกอย่างในสิ่งที่ต้องการมาตั้งแต่เด็ก เขาเคยจัดโอลิมปิกของตัวเอง โดยกติกาตัวเอง และเพื่อตัวเองจนได้เหรียญทอง 14 เหรียญ ภาพความตลกที่เห็นคือการแข่งขันวิ่งที่อลาดีนออกตัวนำมาก่อน  ดูหนังใหม่

เป็นคนยิงปืนเริ่มเกม ยิงคู่แข่งคนอื่น และให้เส้นชัยวิ่งเข้ามาหาตัวเอง สะท้อนภาพเผด็จการได้อย่างแสบสันต์ the dictator เนื้อเรื่อง

รีวิว the dictator

รีวิว the dictator บทสรุป

รีวิว จอมเผด็จเกรียน   จุดพลิกผันเกิดขึ้นเมื่อเขากลายเป็นธรรมดา ไร้อำนาจ ไร้ชื่อเสียง จากการทรยศของ “ลุงทหาร” ตัวเองที่ขึ้นมา “ยึดอำนาจ” จากการใช้คนหน้าเหมือนเข้ามาสวมรอยเป็นหุ่นเชิด ไม่เพียงเท่านั้น ลุงยังพยายามเปลี่ยนประเทศวาดิยาให้กลายเป็นประชาธิปไตยโดยเอื้อประโยชน์การสัมปทานน้ำมันให้กับกลุ่มนายทุนประเทศ

หนึ่งแทน แต่ภายใต้การล้อเลียนนั้น ตัวบทกลับแฝงไปด้วยความฉลาดของทีมงานที่ให้เราหัวเราะพร้อมฉุกคิดอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่อลาดีนพูดถึงคุณงามความดีของเผด็จการว่า “ทำไมพวกคุณถึงจงเกลียดจงชังเผด็จการนักหนา ลองนึกภาพอเมริกาเป็นเผด็จการสิ คน 1 % สามารถฮุบเอาทรัพย์สมบัติชาติ คนรวยก็จะช่วยกัน

รวยขึ้นได้อีกด้วยกลไกภาษี ถ้าเจอวิกฤตก็จับมือกันล้มลงบนฟูก ไม่ต้องแยแสคนรากหญ้าที่ไม่ได้รับสวัสดิการหรือการศึกษา สื่อดูเหมือนเป็นอิสระ แต่แท้จริงเบื้องหลังมีเครือข่ายลับคอยชักใย ดักฟังโทรศัพท์ได้ จับต่างชาติทรมานขังคุกได้ สามารถโกงผลการเลือกตั้ง แต่งเรื่องโกหกคนเพื่อทำสงคราม ตั้งข้อหาพิเศษขึ้นมาเพื่อจับคนบางกลุ่มเข้า

คุกโดยไม่มีใครกล้าโวย สั่งสื่อปลุกกระแสตื่นกลัวให้กับผู้คนได้ เพื่อให้หลงสนับสนุนโยบายที่ทำลายส่วนรวม มันอาจยากที่อเมริกันจะนึกภาพพวกนี้ออก แต่คุณลองพยายามนึกให้ออก” ขณะเดียวกัน เขาก็กล่าวถึงประชาธิปไตยว่า “ประชาธิปไตยเป็นการปกครองที่ห่วยที่สุด ต้องมาทนฟังมุมมองโง่ ๆ ของคนอื่น

ให้คุณค่าทุกคนหนึ่งเสียงเท่ากันทั้งที่บางคนพิการ ผิวดี หรือเป็นผู้หญิง…” ก่อนเรื่องราวจะพลิกผันมาเป็น“…. ประชาธิปไตยมีข้อเสียไม่ใช่ระบอบสมบูรณ์แบบ แต่ประชาธิปไตย ฉันรักเธอ จึงทำให้ผมมุ่งเป้าที่ประชาธิปไตยแท้จริง รัฐธรรมนูญที่ไม่หมกเม็ด และการเลือกตั้งที่ถูกต้องในวาดิยา”  the dictator บทสรุป

รีวิว the dictator

โดยรวมหนัง

ตอนจบของเรื่องจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศวาดิยาจาก “เผด็จการ” ให้กลายเป็น “ประชาธิปไตย” ด้วยการจัด “การเลือกตั้ง” อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งในภาพยนตร์ก็หาใช่การเลือกตั้งที่ยุติธรรมเท่าไหร่ มันก็เหมือนอย่างที่อลาดีนบอกไว้ว่า “เผด็จการสามารถโกงผลการเลือกตั้ง” ผลสุดท้ายการเลือกตั้งนายพลอลาดีนเอาชนะไปได้ถึง 98.8%

เราจะเห็นภาพการใช้รถถังเข้าควบคุมผู้เลือกตั้งให้ต่อแถวเลือกอลาดีนอยู่วันยังค่ำ สะท้อนได้ว่าประเทศที่ผู้นำเกิดขึ้นจากเผด็จการ ก็จะยังคงสืบทอดอำนาจเดิมด้วยการย้อมแมวเผด็จการด้วยกลไกทางประชาธิปไตย ด้วยต้นทุนหนัง 65 ล้านเหรียญสหรัฐ The Dictator ไม่เพียงประสบสำเร็จด้วยรายได้ 179 ล้านเหรียญฯ แต่ยังประสบความสำเร็จ

ในแง่ตั้งคำถามกับ “การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นใต้อำนาจเผด็จการ” (Elections Under Authoritarianism) เราจะเห็นได้ในหลาย ๆ ประเทศที่พยายามจัดการเลือกตั้งด้วยความฉ้อฉล ออกแบบกฎกติกาด้วยตนเอง และเอื้อผลประโยชน์ของตนเองมากที่สุด สุดท้ายแล้วกลายเป็นคนเผด็จการที่กลับเข้ามาครองอำนาจเดิมอยู่ดี หลายครั้งที่คำว่า “การเลือกตั้ง”

มักผูกติดกับ “ประชาธิปไตย” จนหลงลืมต้นกำเนิดของผู้ร่างกติกา เพราะถ้าหากการเลือกตั้งนั้นเต็มไปด้วยกลโกงสกปรกโสมม คำถามสำคัญก็คือการเลือกตั้งที่ว่าจะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงได้หรือไม่? หรือเป็นเพียงปาหี่เพื่อสร้างความชอบธรรมของเผด็จการผ่านกลไกของประชาธิปไตยที่กำลังหลอกคนทั้งประเทศกันแน่

The Dictator กำกับโดย Larry Charles บอกเล่าเรื่องราวสุดฮาของผู้นำเผด็จการจอมเพี้ยนอย่าง อลาดีน (Sacha Baron Cohen) ที่ต้องเดินทางไปอเมริกาเพื่อชี้แจงจุดยืนของประเทศของเขา แต่เรื่องราวกลับตาลปัตร อลาดีนถูกโค่นอำนาจด้วยการตัดหนวดของเขา จนไม่มีใครจำเขาได้หลังจากที่ดู ขอชื่นชมนักแสดงของเรื่องก่อน Sacha Baron Cohen นายแสดงได้เจ๋งจริงๆ ลีลาการแสดงเป็นจอมเผด็จการติ๊งต๊องเรียกเสียงคนดูได้ตลอดทั้งเรื่องเลยครับ เรียกได้ว่าแกตีบทได้แตกครับ โดยเฉพาะสำเนียงแขกเนี่ยฮาจริงๆ

สำหรับด้านมุขต่างๆของหนังสามารถเรียกเสียงตลกของคนดูได้ตลอดครับ ซึ่งเป็นหนังที่ล้อเลียนประเทศเผด็จการ พวกอาหรับ พวกประเทศแอฟฟริกา ได้อย่างมีชั้นเชิงดีครับ ซึ่งผมว่าหากพวกแขก หรือพวกเผด็จการมาดูคงจะโมโหควันออกหูเลยละมั้ง

หากใครที่ต้องการจะดูหนังตลกๆ ไม่ต้องการสาระ เอาฮาอย่างเดียว แนะนำให้ไปดูครับ    the dictator สนุกไหม

ความน่าดู
7.5/10

ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่   รีวิวหนังใหม่ชัด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *