รีวิว The Contractor

รีวิว The Contractor

สวัสดีครับวันนี้แอดจะมาแนะนำหนังดี ๆ ที่หนังมีวี่แววแป้กมาตั้งแต่ไกลเลยครับ สร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2019 โดนผลกระทบจากโควิด-19 ยาว ๆ วางกำหนดฉายครั้งแรกไว้ว่าเป็น 10 ธันวาคม 2021 แล้วก็เลื่อนมาเป็น 18 มีนาคม 2021 แล้วก็เลื่อนอีกมาเป็น 1 เมษายน ไม่แค่นั้นผู้จัดจำหน่ายหนังก็ยังเปลี่ยนมืออีก เดิมทีอยู่กับ STX Films

ค่ายหนังของจีนแผ่นดินใหญ่ ท้ายที่สุดก็มาอยู่กับพาราเมาท์ ซึ่งก็นำเข้าโรงฉายพร้อมกับขายให้ชมบน Amazon Prime ด้วยไปพร้อมกัน แล้วก็ดันชนอย่างจังกับ Morbius ผลเป็นอย่างไรเดาไม่ยาก

เว็บดูหนัง

ในส่วนของ The Contractor เน้นขายชื่อ คริส ไพน์ (Chris Pine) ในบทนำเป็น เจมส์ ฮาร์เปอร์ ทหารผ่านศึกพิการขาซ้ายบาดเจ็บรุนแรงแต่ยังพอเดินได้ แต่ด้วยความเจ็บปวดจึงกินยาเพื่อบรรเทา ทางกองทัพตรวจร่างกายเจอว่าเจมส์ใช้ยาที่ผิดกฏหมายจึงถูกปลดประจำการ ด้วยความที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องหาเลี้ยงลูก

และเมีย พอดีกับที่เจมส์ได้พบกับ ไมค์ หัวหน้าเก่า รับบทโดย เบน ฟอสเตอร์ (Ben Foster) ไมค์จึงชวนเจมส์ไปรับงานกับกลุ่มทหารรับจ้าง ที่นำโดย รัสตี้ เจนนิงส์ รับบทโดย คีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์ (Keifer Sutherland) ได้รับภารกิจแรกมาพร้อมกับเงินมัดจำก้อนโต แต่ต้องเดินทางไปปฏิบัติการทีเบอร์ลิน

เรื่องราวหลังจากนั้นก็เข้าอีหรอบเดิม ภารกิจสำเร็จ แล้วเจมส์ก็พบว่า เขากลายเป็นเป้าหมายต่อไปที่องค์กรต้องการฆ่าปิดปาก จึงต้องดั้นด้นเอาชีวิตรอดในต่างถิ่นและกลับมาแก้แค้นนายจ้าง ซึ่งนับถึงวันนี้เรา ๆ ก็ผ่านตากับพล็อตแบบนี้มาไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่องแล้ว แล้ว The Contractor ก็เดินเรื่องบนพล็อตแบบนี้โดยที่ไม่มีอะไรฉีกไปจากเดิมเลย

และปัญหาเรื่องเนื้อหาและบทก็ต้องชี้นิ้วไปที่ เจ.พี. เดวิส (J.P. Davis) อดีตนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ ก็เขียนเรื่องตามสูตรสำเร็จทุกอย่างคาดเดาได้หมดไม่มีจุดไหนเกินความคาดหมาย จะว่าไปส่วนที่ต่างจากสูตรสำเร็จก็พอมี แต่ก็ดันเป็นจุดที่ไม่ควรต่าง อย่างเช่นพื้นเพของพระเอก เจมส์ ฮาร์เปอร์ ไม่มีการปูพื้นมาเลยว่าพระเอกตอนเป็นทหารสร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้าง เก่งกาจขนาดไหน ทำไมขาถึงได้บาดเจ็บรุนแรง

แต่เลือกใช้เวลาในช่วงต้นหมดไปกับการพาคนดูไปรู้จักครอบครัวของเจมส์ว่าแร้นแค้นลำบากเพียงใด จากนั้นก็พาไปรู้จักครอบครัวของไมค์ จากนั้นก็พาไปรู้จักกับรัสตี้ ผู้นำกลุ่มทหารรับจ้าง ทั้งหมดนี้ก็กินเวลาไป 30 นาทีแล้ว กว่าเราจะได้เห็นการยิงกระสุนนัดแรกก็ผ่านไปครึ่งเรื่องเสียแล้ว

แล้วเวลากว่า 30 นาทีต้นเรื่อง ที่หนังตั้งใจเน้นเนื้อหาในส่วนดราม่าทั้งปัญหาครอบครัวของเจมส์ ปัญหาเรื่องงานในกองทัพที่โดนปลดทั้งที่ไม่ทำอะไรผิด เหมือนโดนแผ่นดินตัวเองหักหลัง ความผูกพันกับเพื่อนฝูงที่เคยร่วมรบกันมา แต่เมื่อดำเนินไปจนจบเราก็ไม่ได้เห็นว่าหนังจะได้ใช้ประโยชน์จากดราม่าเหล่านี้

รีวิว The Contractor

รีวิว The Contractor

หรือพยายามใช้แล้วแต่ก็ไม่บังเกิดผลทางด้านอารมณ์ความรู้สึกจากผู้ชมแต่อย่างใด หันมาดูทางด้านงานแอ็กชันบ้าง ก็ถือว่ายังอยู่ในมาตรฐานหนังแอ็กชันฮอลลีวูด แต่ไม่ได้มีฉากหวือหวาน่าจดจำ หรือชวนลุ้นจนตีนจิก แต่ละฉากก็ไม่ได้ตู้มต้ามขนาดระเบิดภูเขาเผากระท่อม ทั้งที่หนังก็ใช้ทุนสร้างไปพอสมควรถึง 50 ล้านเหรียญ

ซึ่งผู้เขียนชอบในจุดที่บทสร้างสรรค์ตัวตนของ เจมส์ ฮาร์เปอร์ เป็นพระเอกที่มีความทุพพลภาพ ดูเป็นปุถุชนคนธรรมดาดี แตกต่างจะพระเอกหนังแอ็กชันทั่วไปที่แทบจะเป็นซูเปอร์ฮีโร เจมส์เดินขากระเผลก ต้องคอยฉีดยาระงับปวดอยู่บ่อย ๆ แต่มันก็ช่างย้อนแย้ง เพราะเวลาพะบู๊ก็ดูไม่เห็นเป็นอุปสรรคเลยนะ เจมส์สามารถรับมือกับคู่ต่อสู้พร้อมกัน 2 คน 3 คนที่ร่างกายสมบูรณ์พร้อม แล้วเอาชนะได้เสียทุกครั้ง ยิ่งทำให้กังขาว่า เจมส์ ฮาร์เปอร์ นี่เก่งมาจากไหน ทำไมถึงไม่มีการเล่าพื้นเพที่มา

เพราะดูจากการออกปฏิบัติการนี่เรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพเชี่ยวชาญการรบทุกรูปแบบ ทั้งลอบจารกรรม ดำน้ำ ลุยป่า พรางตัว ทำการปฐมพยาบาล ถ่ายเลือดฉุกเฉิน ไหวพริบดี ดูจากการทุบหลอดไฟแล้วแอบซ่อนตัวคอยลอบจัดการศัตรู

แต่ต่อให้เก่งน้อยกว่านี้ เกราะของความเป็นพระเอกก็ทำให้ไม่โดนกระสุนอยู่ดี หลาย ๆ ครั้งที่เจมส์อยู่ในที่โล่ง ฝ่ายตรงข้ามสาดกระสุนมาเป็นร้อย เจมส์ก็แค่วิ่งหลบก้ม ๆ ตัวหน่อย ก็ไม่โดนกระสุนเลยในขณะที่เพื่อนร่วมทีมโดนกันถ้วนหน้า

ด้วยเมนหลักแล้ว The Contractor เป็นหนังแอ็กชันสาดกระสุนครับ มีเรื่องราวดราม่าครอบครัวและความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนทหารคอยสอดแทรกเป็นฉากหลัง แต่ตลอดระยะเวลา 100 นาที ก็มีฉากสาดกระสุนให้เห็นเพียงแค่ 3 ฉากเท่านั้น

ฉากใหญ่และยาวสุดก็คือฉากปฏิบัติการในเบอร์ลินเท่านั้น น่าผิดหวังสุดก็คือฉากไคลแมกซ์ท้ายเรื่อง ที่ปิดจบอย่างง่ายดายภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ยังไม่ทันลุ้นเลย ดูแววแล้ว พาราเมาท์เจ้าของหนังก็คงรู้สภาพหนังตัวเองดีล่ะ และคงไม่คาดหวังผลตอบลัพธ์สักเท่าไหร่นัก จึงเลือกปล่อยขายบนสตรีมมิงไปพร้อมกันตั้งแต่วันที่หนังเข้าโรง รู้ว่าเจ็บตัวแน่แล้วล่ะ แต่ขอเจ็บตัวน้อยหน่อยแล้วกัน

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณใส่หนึ่งในเมก้าสตาร์ที่ถูกกฎหมายคนสุดท้ายของฮอลลีวูด เอลิสเตอร์ตัวจริงที่สามารถถ่ายหนังได้ด้วยตัวเองหากจำเป็น ในการผลิตชั้นสองด้วยสคริปต์อันดับสองที่น่าหดหู่ซึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสำหรับ 30 นาทีแรก และในที่สุดเมื่อสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น คุณเกือบจะหวังว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น อย่างจริงใจ. ถ้าฉันต้องการเรื่องที่มีเงามืดอยู่เบื้องหลังลงโทษคนดีๆ ที่แย่ๆ ฉันก็สามารถดูข่าวได้

นอกจากการไม่เป็นอะไรแล้ว เรายังไม่เคยเห็นหลายครั้งและดีขึ้นมาก แม้แต่นักแสดงนำที่ยอดเยี่ยมก็ไม่สามารถรักษางานเขียนและการกำกับที่กลวง น่าเบื่อ ช้า ซับซ้อน และวางแผนเป็นปริศนาได้ สิ่งนี้ถูกแก้ไขหรือไม่? ใครสนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือปัญหาพ่อ? ไม่จำเป็น

เนื่องจากมีสารตัวเติมอื่นๆ จำนวนมากสำหรับสารเล็กๆ ที่มีอยู่แล้ว ในการลากออกและค่อยๆ ดำเนินการรันไทม์ 103 นาทีอย่างช้าๆ เรื่องราวทั้งหมดถูกคิดซ้ำซากและคาดเดาได้ ฉันรู้สึกแย่กับไพน์ ฟอสเตอร์ และซัทเทอร์แลนด์ที่ยุ่งกับประวัติย่อของพวกเขา ให้ 6/10 จากฉัน

ดูหนัง

ความรู้สึกหลังดู

เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ลอกเลียนแบบของ Jason Bourne แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันเป็นหนังที่แย่มาก ข้อดี ฉันรู้สึกซาบซึ้งกับการเริ่มต้นที่ช้า ซึ่งทำให้ฉันได้รู้จักตัวละคร ในตอนเริ่มต้น ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นบทละครโดยพื้นฐาน แต่หลังจากผ่านไป 35 นาที การกระทำที่เต็มกำลังก็ถูกปลดปล่อยออกมา ให้เวลาสักครู่ คุณจะได้รับรางวัลสำหรับความอดทน หรือเพียงแค่ข้าม 35 นาทีแรกไป แย่ หลายคนจะเบื่อกับการเริ่มที่ช้า แต่ให้เวลากับเรื่องนี้เพื่อเริ่มต้น

แย่กว่านั้น มีประเด็นเรื่องความน่าเชื่อถือบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น พวกเขาบุกเข้าไปในห้องปฏิบัติการ และภายในไม่กี่นาที ตำรวจเยอรมันก็พร้อมอุปกรณ์ครบครัน ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง แต่บางทีฉันก็กำลังเพ้อเจ้อ…

เว็บหนัง

รีวิว The Contractor

สรุป เรื่องนี้ไม่ดีเท่าหนังของ Jason Bourne แต่ขาดหนังใหม่ของ Jason Bourne เรื่องนี้ (แทบจะไม่) จะทำได้ เรื่องราว ทหารอเมริกันที่ต้องการเงินและหาเลี้ยงครอบครัว ตกลงอย่างลังเลที่จะทำงานในบริษัทรับเหมาส่วนตัวที่ร่มรื่น และกลายเป็นปืนรับจ้าง ในไม่ช้าเขาก็รู้ว่าเขากำลังถูกจัดตั้งขึ้น และบริษัทที่จ้างเขากำลังจะฆ่าเขา เขาจะออกมามีชีวิตอยู่?

ระบายสีตามตัวเลขเรื่องอดีตทหาร ทุกสิ่งที่คุณเดาได้จากโปสเตอร์หนัง หลังจาก 10 นาทีแรก มันก็จะตรงไปตรงมา พร้อมศัพท์แสงทางการทหารที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสิ่งนี้

โครงเรื่องเป็นพื้นฐาน โครงเรื่องบิดเบี้ยวชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นภารกิจและคาดว่าจะสิ้นสุด ฉันไม่สามารถให้สปอยเลอร์ได้เพราะมันง่ายเกินไปที่จะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น

โดยรวมแล้ว ฉากแอคชั่นจำกัดมาก คริส ไพน์แทบจะไม่เป็นไร เขาเดินกะเผลกแล้วไม่ ไม่ แล้วเขาก็ทำอีกครั้ง Ben Foster เป็นตัวละครปกติของเขาเช่นเดียวกับ Keifer ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น

รีวิว The Contractor

ไม่มีเรื่องเซอร์ไพรส์เลย และเพราะว่ามันเป็น a-b-c ฉันเลยให้ 3 ดาว แอคชั่นไม่เพียงพอสำหรับแนวแอคชั่น ไม่แน่ว่าจะเป็นหนังระทึกขวัญ ลึกลับ หรือดราม่า อาจเป็นประเภทภาพยนตร์พื้นหลังเพื่อดูในขณะที่คุณฟุ้งซ่านกับโทรศัพท์หรือทำงานบ้าน

ปกติชอบดูหนังสยองขวัญ แต่ตรงกลางอยากได้หนังแอ๊คชั่น นานๆที..ก็เลยเลือกผู้รับเหมา มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่แอคชั่นหายไป… ฉันหมายถึงแอคชั่นจริงๆ.. การไล่ตามรถ, กระสุนปืน, ระเบิด.. เหมือนหนังของเลียม นิสัน หรือของเจอรัลด์ แบทเลอร์

นอกจากฉากสั้นๆ 3-4 ฉากแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น.. เหมือนดูหนังสยองขวัญไม่มีเลือดเลย ไม่ตาย.. และมีบางอย่างที่ต้องตัดต่อ ฉันไม่ชอบ.. ฉันไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร.. มาอย่างกะทันหัน บางอย่างก็ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง รู้สึกว่ากระแสไม่ค่อยดี.. แต่ก็น่าติดตาม นักแสดงดีทุกคน และพล็อตเรื่องก็พยายามเน้นๆ

เอาเป็นว่าหนังเรื่องนี้ การกำหนดให้พระเอกเป็นทหารทุพพลภาพขาเสีย ทำให้เป็นคาแรกเตอร์ที่มีความแตกต่าง น่าเอาใจช่วย พล็อตสูตรสำเร็จที่ไม่มีจุดไหนฉีกแนว พระเอกขาเสีย แต่เก่งมาก สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แบบไม่ระคายผิว จนทำให้สงสัยในปูมหลังของพระเอกซึ่งหนังไม่ได้เอ่ยถึง เหล่าวายร้ายกระจอกเกิน จนไม่ต้องเอาใจช่วยพระเอกเลย

รีวิวหนังใหม่ชัด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *