รีวิว Red Notice
สวัสดีจ้าวันนี้แอดจะมาแนะนำหนังแนวอาชญากรรมโจรกรรมงานศิลป์ปี 2021 ที่บู๊สนุก หักมุมได้ชวนว้าว เหมาะจะดูคลายเครียดมาก ๆ ค่ะสำหรับหนังเรื่อง Red Notice หมายแดงล่าหัวจอมโจรตัวท็อป นำแสดงโดยสามนักแสดงตัวท็อปอย่าง ดเวย์น จอห์นสัน ไรอัน เรย์โนลด์ส และกัล กาด็อท
Red Notice แปลความหมายได้ว่า “หมายแดง” ซึ่งเอาไว้คาดโทษเหล่าอาชญากรที่ทางการต้องการตัวมากที่สุด เมื่อไข่ทองคำที่ว่ากันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของพระนางคลีโอพัตรากำลังจะกลายเป็นเป้าหมายในการโจรกรรมครั้งใหม่ของ โนแลน บูธ (ไรอัน เรย์โนลส์) ทำให้จอห์น ฮาร์ทลีย์ (ดเวย์น จอห์นสัน) เจ้าหน้าที่เอฟบีไอระดับสูง เข้าร่วมการตามล่ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล) ในการตามล่า
ความวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงโรมระหว่างงานจัดแสดงไข่ใบแรกของคลีโอพัตรา แต่เมื่อบูธถูกจอห์นจับตัวได้ในที่สุด แม้ว่าตอนแรกทุกคนคาดว่านี่คือการปิดคดี แต่เมื่อไข่ถูกสับเปลี่ยนโดยบิชอป (กัล กาด็อต) จอมโจรสาวฝีมือดีจัดฉาก ทำให้จอห์นถูกส่งเข้าคุกไกลปืนเที่ยงร่วมกับบูธ ส่งผลให้ทั้งสองหนุ่มต้องร่วมมือกันแหกคุก ตามหาไข่ใบที่ 2 และ 3 เพื่อล้างมลทินให้กับจอห์น รวมไปถึงกู้ศักดิ์ศรีของบูธคืนมา
จะว่าไป Red Notice ออกแบบมาให้เป็นหนังที่ดูเอาบันเทิงล้วนๆชนิดต้องยกตรรกะทุกอย่างทิ้งเพื่อความสนุก ตัวละครทุกตัวเรียกได้ว่ามีความแบนเป็นตัวการ์ตูน เป็นสไตล์หนังที่ยุคปลาย 90 ถึงต้นปี 2000 นิยมสร้างกัน ข้อดีคือบรรดานักแสดงนำทั้งสามคน บริหารเสน่ห์ของตัวเองได้ตามมาตรฐานทำให้ตัวละครของพวกเขาเฉิดฉายไม่ข่มกันเองตายคาจอ รวมไปถึงยิงมุกตลกกันเป็นว่าเล่น ซึ่งมีทั้งขำบ้างและแป้กกระจาย
ฉากแอ็คชั่นในเรื่องยังคงเน้นความโครมครามเล่นใหญ่ ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องที่มีการต่อสู้แบบดวลหมัดตัวต่อตัว พังฉากจนพินาศ ไปจนถึงฉากขับรถไล่ล่าในตอนท้าย แต่น่าเสียดายเมื่อพูดว่านี่เป็นหนัง “โจรกรรม” ก็จริง แต่บรรดาฉากที่ตัวละครต้องเข้าไปขโมยไข่คลีโอพัตราแต่ละใบนั้น
แทบไม่ได้เน้นเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัยที่ดูให้คุณค่ากับสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้สักเท่าไหร่ ไข่ใบแรกก็เหมือนจะโดนสับเปลี่ยนอย่างง่ายดาย ไข่ใบที่สองซึ่งเป็นของโวเช่ (คริส ดิอามานโทพูลัส) ถูกเก็บไว้ในห้องนิรภัย แต่กลับถูกเจาะเข้าไปแบบง่ายๆ ชนิดที่คนดูก็ได้แต่งงๆ ว่าถ้าจะเข้ากันมาง่ายขนาดนี้ ต่อไปอยากจะทำอะไรก็ตามสบายเลย
เมื่อลองย้อนกลับไปดูผลงานเรื่องก่อนๆของผู้กำกับ รอว์สัน มาร์แชลล์ เธอร์เบอร์ อาทิ Central Intelligence และ Skyscraper (ดเวย์น จอห์นสันแสดงนำทั้งสองเรื่อง) จะเห็นได้ว่าสไตล์การเล่าเรื่อง เน้นขายฉากตื่นเต้นลุ้นระทึกเป็นหลัก ตัวละครจะมีความแบนๆเป็นการ์ตูนคล้ายๆกันหมด เช่นเดียวกันกับใน Red Notice
อย่างที่เกริ่นไปว่าถ้าโยนตรรกะทั้งหลายทั้งปวงทิ้งไป Red Notice ถือเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่ดูในสเกลสตรีมมิ่งที่บ้านได้บันเทิงอยู่เหมือนกัน
รีวิว Red Notice
หนึ่งในพล็อตหนังบล็อกบัสเตอร์ที่มักได้รับความนิยมที่สุดได้แก่หนังแนวแอ็กชันจารกรรมที่ว่าด้วยเหตุการณ์ปล้นซ้อนแผน และแม้ว่าหนังหลายเรื่องมักจะจบที่การถ่ายเอกสารบทหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้มาผสมปนกันไม่ต่างจากวลีเหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่ด้วยความสนุก เสน่ห์ของตัวละครและฉากแอ็กชันยิ่งใหญ่อลังการก็มักจะทำให้หนังแนว ๆ นี้ได้เงินและความนิยมจนได้สร้างภาคต่ออยู่เนือง ๆ
‘Red Notice’ เลือกเปิดเรื่องด้วยฉากปล้นสุดอลังการที่พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งอิตาลีที่พาเราไปรู้จักกับเจ้าหน้าที่จอห์น ฮาร์ตลีย์ (รับบทโดย ดเวย์น จอห์นสัน Dwayne Johnson) กับ สารวัตรเออร์วาชี แดช (รับบทโดย ริทู อาร์ยา Ritu Arya) ที่ได้ตามจับตัวโนแลน บูธ (รับบทโดย ไรอัน เรย์โนลด์ส Ryan Reynolds) ยอดโจรสมองเพชรที่ขโมยไข่คลีโอพัตราสำเร็จเป็นใบแรกจากจำนวน 3 ใบ แต่แล้วฮาร์ตลีย์ก็ถูกบิชอป (รับบทโดย กัล กาด็อต Gal Gadot) ยอดโจรสาวหลอกจัดฉากจนต้องเข้าคุกไปพร้อมกับบูธ ทั้งคู่เลยต้องจำใจร่วมมือกันแหกคุกเพื่อออกล่าไข่คลีโอพัตราตัดหน้าบิชอปและล้างมลทินให้กับฮาร์ตลีย์
ดูจากพล็อตแล้ว ‘Red Notice’ แทบจะเดินตามสูตรหนังจารกรรมทุกอย่างต่างกันเพียงแค่พอหนังต้องมีดเวย์น จอห์นสัน หรือเดอะร็อกแล้วก็เหมือนการดำเนินเรื่องต่าง ๆ ดูจะเป็นไปเพื่อรองรับมุกตลก ขายเสน่ห์นักแสดงและฉากแอ็กชันสุดระห่ำเป็นหลัก มากกว่าให้คนดูติดตามแผนอันชาญฉลาดหรือการหักมุมหักเหลี่ยมเฉือนคมไปมาเหมือนหนังจารกรรมในตำนานอย่าง ‘The Thomas Crown Affair’ ที่ผู้กำกับนำมาเป็นแรงบันดาลใจ
ซึ่งการวิเคราะห์ของผมมีข้อมูลประกอบสำคัญ 2 ส่วนคือ อย่างแรกดเวย์น จอห์นสันมีเครดิตเป็นเอ็กเช็กคิวทีฟโปรดิวเซอร์ (Executive Producer) ของหนังและการเลือก รอว์สัน มาร์แชล เธอร์เบอร์ (Rawson Marshall Thurber) ที่เคยร่วมงานกับจอห์นสันมาทั้ง ‘Central Intelligence’ และ ‘Skyscraper’ มาเขียนบทและกำกับหนัง ต้องยอมรับอย่างนึงว่าเธอร์เบอร์ได้ทำให้ ‘Red Notice’ เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนผสมผสานและขายเสน่ห์นักแสดงดังที่กลายเป็นจุดขายสุดแข็งแรงของหนังโดยเฉพาะการรวมนักแสดงซูเปอร์ฮีโรทั้ง 2 ค่ายไว้ในหนังเรื่องเดียว
ดังนั้นต่อให้เราดูไปแล้วรู้สึกว่าพล็อตเรื่องมันคุ้นแบบบอกไม่ถูก แถมจุดหักมุมก็ไม่ได้เกินคาดเพราะเชื่อว่าใครดูหนังแนวนี้มาเกิน 10 เรื่องก็น่าจะพอเดาออกตั้งแต่ครึ่งเรื่องแล้วแถมฉากโจรกรรมก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นหรือน่าเอาใจช่วยนักดังนั้นความบันเทิงหลักของ ‘Red Notice’ เลยมาจากการได้ดูดาราซุปตาร์โปรยเสน่ห์ใส่กันมากกว่า ซึ่งหนังก็เล่นหนักถึงขึ้นให้ตัวละครโนแลน บูธของไรอัน เรย์โนลด์สมีความเป็นแพนเซ็กช่วล (Pansexual) หรือความปรารถนาแบบไม่สนเพศ คล้ายตัวละครเดดพูลที่เรย์โนลด์สสวมบทบาทจนบรรดาสาววายดูแล้วน่าจะมีกรี๊ดกร๊าดกันไม่มากก็น้อยเวลาที่เห็นเขาอยู่ร่วมจอกับจอห์นสัน
ความรู้สึกหลังดู
Red Noticeหรือ หมายแดงหมายจับระดับสูงสุดออกโดยองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ เป็นหมายจับอาชญากรที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในโลก
ณ กรุงโรม เจ้าหน้าที่พิเศษจอห์น ฮาร์ทลีย์ และสารวัตรแดช ตามจับโนแลน บูธ โจรปล้นงานศิลป์ที่หมายจะขโมยโบราณวัตถุอย่างไข่ของคลีโอพัตรา จากการให้ข่าวของบิชอป และพวกเขาก็จับโนแลน บูธ ที่มาขโมยไข่ 1 ใบ จากไข่ทั้งหมด 3 ใบได้จริง ๆ ทว่าจนท.ฮาร์ทลีย์กลับโดนบิชอปซ้อนแผนหวังหักหลัง ทำให้ฮาร์ทลีย์กลายเป็นนักโทษขโมยไข่ต้องถูกขังไปพร้อมกับโนแลน บูธ
ฮาร์ทลีเพื่อล้างมลทินให้ตัวเอง เขาจึงตกกระไดพลอยโจรต้องร่วมมือโนแลน บูธแหกคุกและตามหาไข่ใบที่เหลือ หวังขัดขวางบิชอปที่กำลังรวบรวมไข่ทั้ง 3 ใบเพื่อนำไปขายให้เศรษฐีชาวอียิปต์ ทั้งคู่จะร่วมมือกันขัดขวางบิชอปได้สำเร็จหรือไม่ต้องตามดูเองใน Red Notice สามารถรับชมทาง Netflix ผ่านกล่องทรูไอดีได้นะคะ
ต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้ที่ทำให้สนใจดูตอนแรกเป็นเพราะนักแสดงล้วน ๆ เลยค่ะ และก็ไม่ผิดหวังเลยเพราะกัล กาด็อทสวยมากกกก Red Notice พล็อตเรื่องก็คล้าย ๆ หนังขโมยงานศิลป์หลาย ๆ เรื่อง ที่มีหักมุม โกหก หลอกลวง เชื่อใจไว้ใจใครไม่ได้ จุดเด่นคือของที่จะขโมยคือไข่สามใบของคลีโอพัตรา
มีบอกเล่าตำนานของไข่ทำให้เรื่องน่าสนใจ แต่เรื่องมาอาจจะยังบู๊ไม่มันส์เท่าไหร่ ให้อารมณ์ดูหนังเฉินหลง แบบประยุกต์สิ่งของรอบตัวในการต่อสู้ และดูขโมยไข่ใบแรกง่ายไปนิด ครึ่งแรกเลยดูเอื่อย ๆ นิดหน่อย แต่หลังจากที่แหกคุกออกมาหนังก็สนุกขึ้นเลยค่ะ ฉากบู๊ไต่ระดับความมันส์ขึ้นเรื่อย ๆ ชวนให้ดูไม่วอกแวกหลุดออกไปจากตัวหนัง
และตอนจบที่หักมุมก็ทำให้รู้สึกสนุกขึ้นอีกเยอะเลย จากที่ตอนแรกกะจะให้คะแนนแค่ 7 แต่พอเห็นตอนจบคือเอาไป 8/10 เลยค่ะ
ส่วนกัล กาด็อต ไม่ต้องพูดอะไรมากอยู่แล้วเพราะไม่ว่าเธอจะปรากฎกายในชุดราตรีสีแดงสุดร้อนแรงหรือชุดผจญภัยทะมัดทะแมง ทุกพื้นที่ก็พร้อมเป็นรันเวย์ให้เธอเสมอ และแม้บทบิชอปของเธอจะดูไม่ค่อยมีบทบาทอะไรในเรื่องเป็นชิ้นเป็นอัน แต่หากขาดกาด็อตตัวหนัง ‘Red Notice’ คงขาดเสน่ห์ดึงดูดที่ทำให้คนดูติดหนึบอยู่หน้าจอและพูดคำว่า ‘สวยมาก’ ได้สิ้นเปลืองที่สุดในชีวิตขนาดนี้
สำหรับนักแสดงอีกคนที่น่าจับตามองคงหนีไม่พ้น ริทู อาร์ยา นักแสดงที่มีเชื้อสายอินเดียและเริ่มทำให้คนดูคุ้นหน้าจาก ‘The Umbrella Academy’ ซีซัน 2 ซีรีส์จากคอมิกดังทางเน็ตฟลิกซ์ที่คราวนี้มารับบทตำรวจสายสืบที่ดูมีหน่วยก้านดีไม่น้อยเลย เสียดายเพียงแค่หนังดันไปขายเสน่ห์ของ 3 ดารานำเป็นหลักและหนักมือมาก ๆ เลยกลายเป็นว่าการแสดงของเธอที่ไม่ธรรมดากลายเป็นเพียงวิวข้างทางไปอย่างน่าเสียดาย