รีวิว moonfall วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก
เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของนักบินอวกาศหนุ่มที่มีชื่อว่า ไบรอัน เขาตัดสินใจหันหลังให้กับองค์กรนาซ่าหลังจากที่มีเรื่องบาดหมางกัน แต่แล้วเขาก็ถูกติดต่อให้กลับไปรับภารกิจใหม่กับอดีตเพื่อนร่วมงานอย่าง โจซินดา เพื่อทำภารกิจกอบกู้โลกหลังจากที่หนุ่มเนิร์ดอย่างเคซี่ค้นพบว่าดวงจันทร์กำลังมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางโคจร และมันใกล้จะพุ่งเข้ามาโหม่งโลกในอีกไม่นาน หากเป็นเช่นนั้นจริงทุกชีวิตบนโลกจะดับสูญในทันที ชะตากรรมชีวิตของทุกสิ่งบนโลกใบนี้จึงขึ้นอยู่กับพวกเขาทั้งสามคน หนังแนะนำใหม่
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าถึงเรื่องราวของทีมนักบินอวกาศจาก NASA ที่ได่ถูกส่งออกไปนอกโลก เพื่อกู้วิกฤติหลังจากที่ดวงจันทร์ถูกดาวเคราะห์น้อยพุ่งชน ส่งผลให้วงโคจรของดวงจันทร์เปลี่ยนไป และกำลังจะพุ่งชนโลก เมื่อเวลาของมนุษยชาติใกล้จะหมดลง โจ ฟาวเลอร์ ฮัลลี เบอร์รี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ NASA และอดีตนักบินอวกาศที่
เป็นคนสำคัญของการทำภารกิจกู้โลกอย่าง ไบรอัน ฮาร์เปอร์ แพทริก วิลสัน ที่เคยร่วมงานกับเธอ ซึ่งเขาเป็นบินอวกาศที่ขับยาน ได้เก่งที่สุด และ เค.ซี. เฮาส์แมน จอห์น แบรดลีย์ นักทฤษฏีสมคบคิดสติเฟื่อง พวกเขาทั้งสามคม ต้องร่วมมือกัน และเดินทางออกไปยังอวกาศ พร้อมกับทำภารกิจที่เสี่ยงอันตราย ชี้เป็นชี้ตาย เพื่อปกป้องคนที่พวกเขารัก และทุกชีวิตบนโลก ดูหนังออนไลน์
รีวิว moonfall วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก
ผู้กำกับชื่อดังอย่าง ROLAND EMMERICH มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในการสร้างภาพยนตร์แนวโลกแตก แต่ส่วนใหญ่แล้วภาพยนตร์ของเขาจะถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็น THE DAY AFTER TOMORROW ที่มีการเปลี่ยนของสภาพอากาศจากภาวะโลกร้อนจนโลกย้อนกลับเข้าสู่ยุค น้ำแข็ง หรือเหตุการณ์โลกแตก
ใน 2012 ที่มีการทำนายเอาไว้มาอย่างยาวนานนับพันปี แต่ในครั้งนี้ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิดไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงขั้นที่หมกมุ่นและนำเอามันมาสร้างเป็นภาพยนตร์แนวโลกแตกในแบบฉบับของตนเองในชื่อ MOONFALL ดูหนังฟรี
นักแสดง ไบรอัน ฮาร์เปอร์ นำแสดงโดย แพทริก วิลสัน Patrick Wilson อดีตนักบินอวกาศที่เคยบาดหมางกับนาซาจำต้องกลับมาร่วมภารกิจครั้งใหม่กับ โจซินดา ฟาวล์ นำแสดงโดย ฮัลลี เบอร์รี Halle Berry อดีตเพื่อนร่วมงานของเขาอีกครั้งหลังจากเคซี เฮาส์แมน นำแสดงโดยจอห์น แบรดลีย์ John Bradley หนุ่มเนิร์ดที่ค้นพบว่าดวงจันทร์เปลี่ยนเส้นทางโคจรและกำลังจะพุ่งชนโลกนำความวิบัติมาสู่ทุกชีวิต ชะตากรรมของโลกจึงอยู่ในมือของพวกเขา moonfall สปอย
การดำเนินเรื่อง
ตัวหนังจะเล่าเรื่องนักบินอวกาศที่ต้องหาทางยับยั้งดวงจันทร์ซึ่งจู่ๆ ก็หลุดวงโคจรและเตรียมพุ่งเข้าชนโลก ซึ่งคนในเรื่องมีเวลารับมือไม่ถึง 3 สัปดาห์ก่อนความฉิบหายระดับล้างบางมนุษยชาติจะมาเยือน ซึ่งแน่นอนว่ากางมาแบบนี้คนดูหนังโลกถล่มแผ่นดินทลายมานับไม่ถ้วนก็ย่อมมองเห็นตอนจบอยู่แล้วว่ามันจะมาอีท่าไหน และตัวผู้กำกับเองก็คล้ายจะรู้ตัวเช่นกัน ดังนั้นแล้วก็ปรุงรสระหว่างทางจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากรสชาติไม่เด่นหนังก็เตรียมจองศาลาได้เลย ดูหนังออนไลน์
โดยส่วนตัวแล้วผมว่ารสชาติหนังมีความจัดจ้านแบบเฉพาะตัวกว่าที่คิด ผมเดาได้เลยว่าหลายคนจะไม่ชอบรสนี้ เพราะมันอาจจะสดใหม่และแปลกประหลาดเกินกว่าจะรับได้ แต่กับสิ่งมีชีวิตที่มีความ Geek ในตัวชอบทฤษฎีวิทยาศาสตร์ฟุ้งๆ ลอยๆ มีความเป็น Fiction มากกว่า Fact แบบผมกับอีกหลายๆ คน ก็บอกได้เลยว่าโดนใจพอสมควร เพราะคงมีผู้กำกับไม่กี่คนที่เอาทุนหนาๆ มาลงกับหนังสนองความ Geek แบบหลุดโลกอย่างนี้
อันที่จริงถ้าผู้ชมเคยรู้จักทฤษฎี Dyson Sphere มาก่อนหน้าบ้างก็อาจจะอินมากขึ้น แต่ผมซึ่งไม่เคยอ่านทว่าก็ผ่านการเล่นเกมที่อิงทฤษฎีแหวกๆ มาเยอะ สามารถรับกับมันได้ง่ายมากๆ แค่อาจจะเหวอหน่อยที่เห็นหนังฮอลลิวูดเล่นกับประเด็นหลุดๆ แบบนี้ แต่นั่นแหละที่เป็นองค์ประกอบสุดสลักสำคัญที่ทำให้ผมรักมันแบบเกลียดไม่ลง แม้จะรู้ดีแก่ใจว่านี่ไม่ใช่หนังที่ถึงขั้นดีเด่อะไร
แน่นอนว่าในหนังแบบนี้พาร์ทดราม่าตัวละครเป็นอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อความน่ารำคาญอย่างมาก เรื่องนี้ก็เกือบจะเป็น แต่เอมเมอร์ริชสามารถดัดแปลงซีนเหล่านี้มาใช้กับหนังของตัวเองได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยถึงไม่ได้อินอะไรนักแต่เราก็ไม่รู้สึกว่ารำคาญมัน วิธีการก็คือ ตัดบทพูดให้น้อยลง แล้วหยิบตัวละครเหล่านั้นไปเจอกับสิ่งที่อยากนำเสนอให้มากที่สุด นั่นก็คือภาพของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นบนโลก moonfall เรื่องย่อ
พล็อตเรื่อง
สิ่งที่ผมชอบและประทับใจที่สุด ก็คือพล็อตเรื่องและบทของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่มาพร้อมกับทฤษฎีสมคบคิดสุดแหวกแนวและเกินคาดมากๆ และก็พาเราถอดสมองไปกับทฤษฎีสุดเพี้ยนนี้ได้จนสุดทาง มันล้ำมากจริงๆ ซึ่งใคซึ่งใครที่ดูแล้วงง หรือตามไม่ทันมาอ่านอันนี้ได้นะครับ ผมจะสรุปให้แบบง่ายๆ ดูหนังฟรี
สรุปก็คือดวงจันทร์เป็นดาวเคราะห์ประดิษฐ์ หรือก็คือสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกว่าเราในยุคปีจจุบันมาก ซึ่งเริ่มเรื่องมาหนังจะอธิบายให้ฟังว่าหลุมบนดวงจันทร์นั้น เกิดจากเทคโนโลยี AI สุดล้ำ ซึ่งตอนแรกผมก็คาดเดาไปว่าเอเลี่ยนแน่ๆ จนหนังก็ค่อยๆสืบหาความจริงเรื่อยๆ จนรู้เพิ่มว่า AI สุดล้ำนี้ มันขุดเข้าไปในแกนกลางของดวงจันทร์ก็เพื่อเปลี่ยนทิศทางวงโคจรและหวังทำลายล้างโลก และเผ่าพันธ์ุมนุษย์ให้สูญพันธุ์ พอสุดท้ายมาเฉลยว่า AI นาโนเทคโลโนยีนั้น คือเทคโนโลยีที่บรรพบุรุษของมนุษย์เมื่อหลายแสนล้านปีก่อน
ซึ่งเป็น AI ที่สร้างไว้ใช้อำนวยความสะดวก อารมณ์คล้ายๆสมาร์ทโฮม แต่ AI กลับมีความคิดและร่วมมือกันทำลายล้างมนุษย์ มนุษย์กลุ่มสุดท้ายจึงสร้างดวงจันทร์ที่ฝัง AI ที่ซื่อสัตย์ไว้ และรอให้มีมนุษย์เข้ามาเจอ AI ก็จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งกลุ่มตัวละครหลักเนี่ยแหละที่ไปเจอ จากนั้นดวงจันทร์ก็ลอยในอวกาศไปนาน
จนเกิดโลกมาถึงทุกวันนี้ ซึ่ง AI จะตามล่าและหวังทำลายดวงจันทร์ และเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สิ้นซาก โดย AI จะไล่ตามสัญญาณสิ่งมีชีวิตและคลื่นอิเล็คโทรนิค ก็คือถ้ามีแค่สิ่งมีชีวิต แต่ไม่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ มันก็จะหาไม่เจอ ซึ่งดวงจันทร์ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ จึงลอยหนีรอดพ้นการไบ่ล่าของ AI มาได้นานหลายแสนปี ซึ่งมันก็อธิบายเหตุการณ์ในหนังได้ทุกอย่าง ว่าทำไมถึงมาตอนนี้ ทุกอย่างมีเหตุผลรองรับ moonfall เนื้อเรื่อง
รีวิว moonfall วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก บทสรุป
จุดนี้เป็นจุดบอดที่ใหญ่แบบเห็นได้ชัดของภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะมันมีหลายซีนมากๆ ที่ตัวละครในเรื่องตัดสินใจแบบแปลกๆหรือทำตัวไม่สมกับสถานการณ์ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันส่งผลต่ออารมณ์ของผู้ชมมากๆเลยทีเดียว อย่างเช่น ฉากที่ซันนี่ลูกชายของพระเอกอยู่บนภูเขาและกำลังหนีไปหาที่หลบภัย ซึ่งในตอนนั้นมีอุกกาบาตที่
ตกลงมาที่ภูเขาลูกข้างๆ แบบใกล้ๆอะ ห่างไป 1 กิโลเมตรเองมั้ง แต่ตัวละครกลับยืนมองและทำหน้าเรียบเฉย ไม่ตกใจหรือหวาดกลัวด้วยซ้ำ และมีแบบนี้หลายฉากมากๆ ซึ่งถ้าทำให้ตัวละครแสดงสีหน้า อารมณ์หวาดกลัว ร้อนรน มันจะส่งผลให้คนดูมีอารมณ์ร่วมกับหนังและลุ้นระทึกเอาใจช่วยมากกว่านี้เยอะ
และก็อีกฉากที่ขับรถหนี และ ถนนถล่ม ตัวละครซันนี่กลับตัดสินใจขับเหินไปแบบง่ายดาย คือฉากนี้มันดูเกินจริงมาก อย่างกะ Fast 8 แต่อันนี้ก็ไม่ได้ส่งผลมากดท่ากับการสื่ออารมณ์อยู่ดี moonfall บทสรุป
ต่อมาเรื่องการปูเนื้อเรื่องที่นานไปหน่อย จนคนดูเบื่อก่อนจะสนุก กว่าจะเริ่มน่าติดตามสนุก และรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครและเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในเรื่องก็ปาไปเกือบครึ่งเรื่องแล้ว ก็คือชั่วโมงแรกคือปูเรื่องอย่างเดียว และปูแบบจืดชืดมากๆ ถ้าเขาแบ่งต้นเรื่องไปให้กับฉากการหนีตาย วุ่นวายของประชาชน ให้เราได้เห็นถึงความหวาดกลัว
และความร้ายแรงของภัยพิบัติที่เหล่ามนุษย์ในหนังได้เจอนั้นมันร้ายแรงขนาดไหน ถ้าทำได้หนังมันจะสุดและดีกว่านี้ แต่กลับไปโฟกัสแต่ตัวละครหลัก เลยทำให้ช่วงแรกๆของหนังนั้นจืดชืดไม่น่าติดตาม แถมยังชวนหลับ แต่พอเลยครึ่งเรื่องมา และเริ่มจุดเครื่องติด ทุกอย่างก็ดีและโคตรมันส์ ช่วงท้ายเป็นสิ่งที่ผมชอบมากจริงๆ
โดยรวมหนัง
การเดินเรื่องตะกุกตะกักตัดไปตัดมา นักแสดงเล่นแข็ง บทไม่เอาอ่าว แต่มันคือหนังของเอมเมอร์ริชที่ผมชอบที่สุดในช่วงหลัง ชอบแบบไม่มีทางเกลียดมันได้ เพราะในปัจจุบันวงการฮอลลิวูดต้องการหนังฟุ้งๆ เวียร์ดๆ หลุดๆ แบบนี้่ หนังที่พูดถึงทฤษฎีวิทยาศาสตร์แบบรวดเร็วและไหลไปเรื่อยโดยที่ไม่ต้องวกกลับมาหาช่องอุดรอยโหว่หรือ
คอยอธิบายซ้ำๆ ซากๆ ให้คนดูเข้าใจ มันคือความเอาแต่ใจว่า “ก็ตูจะเอาแบบนี้ เข้าใจแค่นี้ก็พอ มันจะเกิดขึ้นตามนี้นี่แหละ” Moonfall เป็นแบบที่ว่ามาและผมก็โคตรซื้อมันเลย
โดยภาพรวม MOONFALL ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าสามารถทำออกมาได้ดี ในแง่ของการสร้างความสนุกสนานให้กับผู้รับชม องค์ประกอบโดยรวมถือว่าทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง บทพูด ตัวละคร รวมไปถึงการออกแบบองค์ประกอบต่างๆ ภายในภาพยนตร์ เรียกได้ว่าเป็นความกล้าเป็นอย่างมาก ที่นำเอาทฤษฎีสมคบคิด
ที่ไม่น่าเชื่ออย่างการที่ดวงจันทร์เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา มาเป็นสาเหตุที่ทำให้โลกแตก นักแสดงแต่ละคนทุ่มกำลังสุดฝีมือ ในการแสดงเพื่อให้มีความสมจริงในแง่ของการเป็นนักวิทยาศาสตร์ และนักบินอวกาศมากที่สุด moonfall สนุกไหม
ประเภทหนัง :: ภัยพิบัติ , วิทยาศาสตร์ , ลุ้นระทึก
ผู้กำกับ :: Roland Emmerich
นำแสดงโดย :: Patrick Wilson, Halle Berry, John Bradley
ความยาวหนัง :: 2 ชั่วโมง 10 นาที
กำหนดฉายในไทย :: 3 กุมภาพันธ์ 2022
ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รีวิวหนังใหม่ชัด