รีวิว John Wick 2
ภาพยนตร์แอ็คชั่นภาคต่อ ถ่ายทอดเรื่องราวของ จอห์น วิค นักฆ่าในตำนานที่ตัดสินใจจะวางมือแล้ว แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะต้องจำยอมรับงานฆ่าชิ้นสุดท้าย ที่หวังจะคืนชีวิตสู่อิสระ แต่กลายเป็นว่าเขายิ่งต้องไปเผชิญกับบรรดานักฆ่าที่อันตรายที่สุดในโลกแทน กำกับโดย แชด สเตเฮลสกี้ คนเดิมกับภาคแรกเลยครับ ภาพยนตร์ความยาว 122 นาที (เข้าฉายแล้ววันนี้ 15 กุมภาพันธ์)
เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องมาจากภาคแรก สำหรับ John Wick 2 ก็ต้องบอกว่าใครที่ยังไม่เคยดูภาคแรกก็ไม่เป็นไรครับสามารถดูได้เพราะว่ามันมีความต่อเนื่องจากภาคแรกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับภาคนี้ก็ต้องบอกว่ายังทำออกมาได้ดีเหมือนเดิม ทั้งความมันส์ และ เนื้อเรื่องที่ดูมีความน่าสนใจมากๆ
ทั้งเป็นการนำเสนอในเรื่องขององค์กรที่ ตัวของ จอห์น วิค สังกัดอยู่ กฏระเบียบต่างๆ ที่น่าสนใจมากๆ และ ตัวของนักฆ่าคนอื่นๆ ก็ต้องบอกว่าสมน้ำสมเนื้อกันมากๆ เป็นหนังที่ยังประทับใจเช่นเคยครับสำหรับภาคนี้
สำหรับคะแนนขอให้อยู่ที่ 8/10 เป็นความมันส์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ทั้งฉากแอ็คชั่น ที่สมจริงโปรดักษ์ชั่นที่ใหญ่ขึ้นมาก จากภาคแรก และภาคนี้เดือดกว่าภาคแรกมากขึ้นไปอีก หากใครๆที่มองหาหนังมันส์ๆ ฉากแอ็คชั่นเท่ๆ ก็ห้ามพลาดเลยครับกับหนังเรื่องนี้
สำหรับเนื้อเรื่องของหนัง John Wick 2 หลังจากที่เนื้อเรื่องของภาคแรกเกี่ยวกับการล้างแค้นให้กับหมาสุดที่รัก แต่ในภาคนี้เนื้อเรื่องจะเข้มข้นขึ้นไปปอีก ซึ่งยังคงเกี่ยวข้องกับสังกัดที่จอห์น วิค สังกัดอยู่ แต่ด้วยเหตุการณ์ที่บีบบังคับ ทำให้เขาต้องกลับมารับงานให้กับองค์กรที่สังกัดอยู่ แม้ว่าจะอยากพักก็ตามแต่ก็ด้วยความจำเป็น ซึ่งหวังว่าจะเป็นสุดท้ายที่เขาจะได้ทำ แต่แล้วมันก็เกิดเรื่องราวต่างๆขึ้น ทำให้อะไรๆก็ไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด และเรื่องราวต่างๆนั้นจะเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่ ต้องมาร่วมติดตามกันครับกับหนังเรื่องนี้
สำหรับหนังเรื่อง John Wick 2 นี้ก็ยังคงได้นักแสดงนำจากภาคแรกอย่าง คีอานู รีฟ มารับบท จอห์น วิค เหมือนเคย ซึ่งเรียกได้ว่า ทุก ๆคน ต่างจดจำเขาไปแล้วในบทบาทนักฆ่าหน้านิ่ง ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นการกลับมาแจ้งเกิดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งของ คีอานู รีฟ หลังจากที่เราเคยจดจำเขาในบทบาทของตำรวจในหนังเรื่องสปีดเร็วกว่านรก
ซึ่งก็เป็นในช่วงที่ตอนนั้นหนังได้สร้างขึ้นในยุค 90 เลยทีเดียว และต่อมาก็เป็นบทบาทในหนังวิทยาศาตร์ไซไฟ โดยรับบทเป้น นีโอ ในหนังเรื่อง The Matrix ไตรภาค ก็ต้องบอกว่าคีอานูรีฟส์คาแรคเตอร์ที่โดดเด่นในการ แสดงหนังแต่ละเรื่อง และยังมีนักแสดงอีกมากมายร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น ลอร์เรน ฟิชเบิร์น , เอียน เอ็มซีเซน , แลนซ์ เรดดิค , รูบี้ โรส, แชด สตาร์เฮลสกี , คอมมอน , บริดเจ็ท โมนาฮาน , ปีเตอร์ สตอร์แมร์ และ อีกมากมาย
John Wick: Chapter 2 เป็นการกลับมาอีกครั้งของบุรุษนักฆ่าอย่ายุ่งกับหมาตู ซึ่งภาคแรกเมื่อปี 2014 หนังประสบความสำเร็จดีทั้งคำวิจารณ์และรายได้ จนสตูไฟเขียวให้ผู้กำกับ แชด สตาเฮลสกี้ ที่มีผลงานด้านสตันท์และฉากต่อสู้บู๊ล้างนรกมาแล้วมากมาย อย่าง หนัง The Matrix ไตรภาค (1999-2003), 300 (2006), The Expendables (2010) และ Iron man 2 (2010) เป็นอาทิ ได้กลับมาสานต่อเรื่องราวที่เขากับ ดีเร็ก โคลสแตด มือเขียนบทภาคแรกได้เริ่มไว้
คือถ้าใครจำได้ภาคเดิมเนี่ย มันแนะนำตัวละคร จอห์น วิค เป็นหลักล่ะ เขาคือชายที่อาศัยอยู่กับหมาชื่อ เดซี่ วันดีคืนดีก็โดนลูกชายแก๊งมาเฟียมาหาเรื่องขโมยรถ แล้วก็พลั้งมือฆ่าหมาที่ถือเป็นของดูต่างหน้าของภรรยาที่เสียไปของเขา เขาก็เลยต้องกลับมาสวมวิญญาณนักฆ่าที่วางมือไป
เพื่อล้างแค้นทวงรถคืน ระหว่างทางเราก็จะได้เห็นโลกของ จอห์น วิค ว่ามีความแฟนตาซีแบบคอมมิคจำพวก Sin City หรือ Kick-ass อยู่เหมือนกัน ทั้งโรงแรมเดอะคอนติเนนทัลที่เป็นเหมือนศูนย์กลางการจ้างงานและเขตปลอดอาวุธของโลกอาชญากร และร้านค้าบริการต่างๆที่สนับสนุนการจ้างวานฆ่าต่างๆ
แต่ก็มาแบบบางๆไม่ได้เน้นหรือขยายความมันนัก หนังเลยเป็นสไตล์ลุงนักฆ่าล้างบางวัยรุ่นห้าวเป้งแอนด์เดอะแก๊งมาเฟียของบิดาเท่านั้นเอง
รีวิว John Wick 2
แต่มาภาคนี้ ผู้กำกับคงได้ขยายวงเงินเพราะเครดิตภาคแรกดี เลยจัดเต็มโลกทัศน์ในเรื่องทั้ง กฎนักฆ่า วงการนักฆ่าที่แฝงตัวทุกหัวระแหง รูปแบบการปกครองที่มีสภาสูง 12 ที่นั่ง โรงแรมเดอะคอนติเนนทัลที่เป็นกลุ่มผู้รักษาระบบระเบียบ คือ จัดเต็มจักรวาลนักฆ่ามาก แล้วหนังก็ไม่ได้เล่าแบบยัดนู่นนี่มาให้น่าเบื่อเลย เพราะเส้นเรื่องหลักจากตัวละครที่แข็งแรงแล้วอย่างจอห์น วิคนั้นผูกผมเข้าไปขยายจักรวาลได้ลื่นไหลและมันมากๆ
หนังเล่าเรื่อง จอห์น วิค ที่หลังจากภาคแรกแล้วก็เปิดเรื่องมาทวงรถคืนต่อจากมาเฟียเลย ซึ่งจริงๆไม่ต้องเคยดูภาคแรกมาลุยภาคนี้เลยก็รู้เรื่องนะแค่ดูเทรลเลอร์ภาคเก่ามาหน่อยก็พอ เพราะหนังเล่าย้อนภาคก่อนได้ฉลาดมากๆแค่บทสนทนาของมาเฟียกับลูกน้องก็เล่าจบ เห็นบรรยากาศที่คนในวงการหวาดเกรงจอห์นได้ดี
และเพราะเรื่องส่วนตัวนี่เองที่ทำให้วงการก็ได้รู้ว่าเขาไม่ได้วางมือจริง ส่งผลให้ ซานติโน่ (ริคาร์โด สคามาริโอ) เจ้าหนี้ผู้ถือตราเลือดของจอห์น มาทวงสัญญาให้ตอบแทนบุญคุณ ซึ่งในวงการถือเป็นกฎที่ห้ามปฏิเสธแต่จอห์นก็ปฏิเสธเพราะอยากใช้ชีวิตธรรมดาที่เขาได้รับจากภรรยาคนรัก
ซานติโน่เลยจัดหนักถล่มบ้านจอห์นทิ้งทำลายสิ่งยึดติดในโลกธรรมดาของจอห์นไม่เหลือชิ้นดี จอห์นจึงเลือกไม่ได้ที่จะต้องกลับมาสู่วงการเพื่อล้างหนี้เดิมให้ตัวเองเป็นอิสระ และจะได้มีสิทธิ์ฆ่าซานติโน่ล้างแค้นคืน แต่ก็นั่นล่ะนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาต้องเข้าไปพัวพันเกมอำนาจของโลกมืดจนไม่อาจถอนตัว และคนดูก็ได้มันกันยาวๆเลย
ความรู้สึกหลังดู
นักแสดงนำ คีอานู รีฟส์ ยังกลับมาเล่นบทเดิมอีกครั้ง สำหรับ รีฟส์ เขาถือเป็นนักแสดงคู่บุญที่มีสายสัมพันธ์กับแชดดีตั้งแต่ครั้งที่เล่นเรื่อง Point Break (1991) ซึ่งเป็นหนังที่แชดเริ่มอาชีพสตันท์แบบไม่ได้เครดิต โดยได้แสดงแทนรีฟส์ในฉากเสี่ยงตายด้วย ซึ่งหลังจากเรื่องนี้แชดยังได้เป็นสตันท์ตัวแทนให้รีฟส์อีกหลายเรื่องเลย ทั้ง The Matrix 1-2, The Replacements (2000) และ Constantine (2005)
ทั้งยังไปช่วยออกแบบศิลปะการต่อสู้ในหนังฝีมือการกำกับเรื่องแรกของรีฟส์อย่าง Man of Tai Chi (2013) อีกด้วย เรียกว่าระหว่างสองคนนี้คงเป็นโชคชะตาพิเศษบางอย่าง ไม่แปลกใจเลยที่หนังเรื่องแรกของแชด เขาจะเลือกเพื่อนคนสำคัญมาแสดงนำอย่างนี้ แล้วก็ดันลงตัวโคตรๆเลยด้วย
ซึ่งครั้งนี้คีอานู รีฟส์ได้เตรียมตัวกับการกลับมารับบทด้วยการทุ่มเทไปเข้าค่ายฝึกการยิงปืนทุกชนิด รวมไปถึงฝึกยุทธวิธีการดวลปืน และการเคลียร์พื้นที่จากศัตรูมากมาย กับอดีตนายทหารหน่วยรบพิเศษนานกว่า 40 ชั่วโมง ทั้งเพิ่มทักษะการต่อสู้หลากหลายแขนง อาทิ กังฟู, จินจิทสุ และยูโด
เพื่อพร้อมแสดงฉากสตันท์-แอคชั่นด้วยตนเองแบบสุดฝีมือ และนี่คืออีกเหตุผลนอกจากเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนและระอุขึ้น คือการแสดงฉากต่อสู้ของรีฟส์นั้นดูเข้มแข็งขึ้น คมขึ้น ไม่เงอะงะเหมือนตอนภาคแรก คือบางช่วงนี้อย่างกับได้ดู จา พนม ในต้มยำกุ้งที่ลุยเดี่ยวกับสมุนตัวร้ายเป็นสิบ ๆ
แต่จอห์น วิค นั้นได้สร้างเอกลักษณ์การต่อสู้ที่ต่างจากหนังอื่นคือ การใช้ปืนสู้ระยะประชิดที่ทำออกมาได้เจ๋งมากๆ คือทั้งลุ้นแบบศิลปะการต่อสู้และรุนแรงแบบทีเดียวตายได้ เมื่อรวมกับสไตล์ภาพที่จัดจ้านทางศิลป์ไม่ว่าทั้งการวางเฟรมและจัดแสงสีตัด รวมถึงความแม่นในการตัดฉากต่อสู้
และการสร้างสรรค์ฉากสู้ที่หลากหลายมีสไตล์โคตร ๆ ทั้งการสู้ด้วยรถในอู่ การยิงระยะประชิดเดี่ยวกับหลายสิบในพิพิธภัณฑ์ การสู้ด้วยมีดพกในรถไฟฟ้า การเดินยิงสู้กันด้วยปืนเก็บเสียงระหว่างฝูงชน และนักฆ่าหลายสไตล์ที่ถามโถมมาหาจอห์น ทั้งนักฆ่าสาวมือไวโอลิน นักฆ่าซูโม่ร่างยักษ์ และเหล่านักฆ่าที่แฝงตัวเป็นคนปกติ คือ โอ่ย เจ๋งมากมันมากครับ สมแล้วที่ผู้กำกับอยู่ในวงการแอคชั่นมานาน
หนังยังได้ ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น กลับมาเล่นร่วมกับ คีอานู รีฟส์ อีกครั้งนับตั้งแต่ The Matrix Revolutions (2003) ด้วย ในบทราชันย์คนจรจัด, รูบี้ โรส ที่เพิ่งวาดลวดลายใน xXx: Return of Xander Cage (2017) ก็มารับบท เอเรส นักฆ่าใบ้ที่ใช้ภาษามือได้กวนตีนมาก, คอมมอน แร๊พเปอร์และนักแสดงชื่อดังที่มารับบทนักฆ่าคู่แค้น
คาสเชี่ยน, ปีเตอร์ สตอร์แมร์ นักแสดงมากฝีมือในบท อับบราม อาของตัวร้ายในภาคก่อน และเพราะภาคนี้เนื้อเรื่องมีภารกิจสำคัญที่ข้ามฟากไปยังประเทศอิตาลีจึงได้ ริคาร์โด สคามาริโอ นักแสดงสุดเก๋าชาวอิตาเลี่ยนมารับบท ซานติโน ตัวร้ายประจำภาคที่น่าหมั่นไส้ขั้นสุดในความเลวด้วย
ส่วนหมาจากเจ้าเดซีภาคก่อน ก็มาสู่เจ้าพิตบูลน้อยที่ไม่มีชื่อเพราะจอห์นไม่อยากผูกพันมาก ซึ่งแม้หน้าตาน้องหมาจะน่ากลัวแต่นิสัยน่ารักมากๆ เสียดายบทน้อยไปนิด
ส่วนพวกตัวละครเก่าๆที่ยังไม่ตายก็ยังจัดกลับมาครบทั้ง วินสตัน (เอียน แมคเชน) ผู้จัดการโรงแรมเดอะคอนติเนนทัลที่เป็นที่พักของพวกทำงานโลกเบื้องหลังและเป็นเพื่อนที่จริงใจคนหนึ่งของจอห์น, ชารอน (แลนซ์ เรดดิค) พนักงานต้อนรับแห่งโรงแรมเดอะคอนติเนนทัลที่ภาคนี้ได้เห็นอะไรมากขึ้น และ อูรีลิโอ (จอห์น ลีกุยเซโม)
เจ้าของอู่ดัดแปลงรถเถื่อนก็ยังวนเวียนห่างๆ เหล่านี้ก็รอการขยายและน่าจะมีบทบาทสำคัญ ๆ ในภาคสุดท้ายด้วยครับ
สรุป
คือภาคก่อนเหมือนยอดมนุษย์สู้กับพวกกี้ ๆ ก็ว่ามันแล้ว แต่ภาคนี้ยอดมนุษย์เจอเหล่าสัตว์ประหลาดมันเลยโคตรมันเข้าไปอีก ต้องดู ไม่ดูคือพลาด แค่นี้ล่ะ