รีวิว ford v ferrari

รีวิว ford v ferrari

รีวิว ford v ferrari

Ford v Ferrari ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ชีวประวัติ จากเรื่องจริงของการแข่งขันชิงความเป็นที่หนึ่งระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์ ฟอร์ด (Ford) และ เฟอร์รารี่ (Ferrari) ในการแข่งขันรถซิ่งระดับโลก เลอม็องส์ (Le Mans) เมื่อปี 1966 ที่กลายเป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบัน

หนังเรียกว่ารวมทีมงานยอดฝีมือมารวมกัน กำกับโดย เจมส์ แมนโกลด์ ผู้สร้างหนังวูล์ฟเวอรีนภาคสุดท้าย Logan ทีมเขียนบท เจสัน เคลเลอร์, เจส บัตเตอร์เวิร์ธ จาก Egde of Tomorrow หนังที่ดัดแปลงจากมังงะไซไฟของญี่ปุ่นได้ดีที่สุดในโลก แถมได้ คริสเตียน เบล และแมตต์ เดมอน มารับบทนำเป็นคู่หูร่วมกันสร้างทีมแข่งสู้เฟอร์รารี่ที่ยึดครองแชมป์สนามแข่งหินสุดในโลก 4 ปีซ้อน ซึ่งในสมัยนั้นรถอเมริกาอย่างฟอร์ดยังแค่ทำขายคนทั่วไป ไม่ได้มีความสนใจจะเข้าร่วมการแข่งใหญ่แบบนี้  หนังแนะนำใหม่

 

หนังเล่าปูความที่มาได้อย่างน่าสนใจของทีมคู่หู แครอล เชลบี้ (Carroll Shelby) ที่เล่นโดยแมตต์ เดมอน นักแข่งชาวอเมริกันผู้เคยชนะสนาม Le Mans 24
ชั่วโมงในนามของทีม Ray Salvadori ประเทศฝรั่งเศสปี 1959 เชลบี้แต่กลับมีปัญหาด้านสุขภาพโดยเฉพาะโรคหัวใจ จนต้องถอนตัวจากอาชีพนี้และหันมาเป็นเปิดศูนย์

ขายรถยนต์ อาศัยชื่อเสียงตนเองช่วยปะหน้าการตลาดทำมาหากินไปวันๆ ก่อนจะได้กลับมาสนามแข่งอีกครั้งในตำแหน่งผู้คุมทีมแข่ง หลังฟอร์ดทุมเงินปลุกปั้นทีมขึ้นมาแข่งกับเฟอร์รารี่ ด้วยสาเหตุส่วนตัวที่ประธานเฟอร์รารี่หยามฟอร์ดทั้งรถทั้งประธานฟอร์ด จนทำให้ Tracy Letts ประธานฟอร์ดที่สืบต่อกิจการจากพ่อทนไม่ได้ ยอมทุ่มเงินทำทีมแข่งสู้เพื่อเอาคืนศักดิ์ศรีที่โดนหยามให้ได้

แต่ต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่ก็ซื้อชัยชนะไม่ได้นี่คือความจริง แม้เฟอร์รารี่ตอนนั้นจะอยู่ในจุดตกต่ำขาดทุน แต่กลับชนะการแข่งติดๆ กันด้วยความสามารถและพรสวรรค์ของนักแข่งและทีมงาน จึงทำให้เชลบี้ต้องควานหานักแข่งที่มีความสามารถและหลงไหลในรถสปอร์ตอย่างบ้าคลั่งเช่นเดียวกันตน ซึ่งก็ไม่ใช่อื่นไกลแต่เป็นเพื่อนของเขาเอง

เคน ไมลส์ (เล่นโดย คริสเตียน เบล) ที่เป็นสุดยอดนักขับรถและช่างเครื่องไปพร้อมกัน แต่ว่าเรื่องก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะไมลส์ก็มีข้อเสียบรรลัยในสายตาของผู้บริหารฟอร์ด นั่นคือการไม่เข้าสังคม ปากหมา เอาแต่ใจตัวเอง แต่เชลบี้รู้ว่าถ้าไม่ใช่ไมลส์ก็ไม่มีทางชนะงานแข่งเลอม็องส์ที่เขาเคยผ่านมาก่อนไปได้ นี่จึงเป็นเรื่องราวการต่อสู้ของชายผู้หลงไหลในการสร้างรถแข่ง VS.กับฟอร์ดนายทุนตัวพ่อของวงการขายรถ มากกว่าการแข่งกับเฟอร์รารี่ด้วยซ้ำ  ดูหนังออนไลน์

รีวิว ford v ferrari

หนังดึงเรื่องราวการขัดแย้งตลอดเส้นทางการมาเข้าทีมฟอร์ดของนักแข่งในตำนาน “เคน ไมลส์” ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกมาและก็มาเปิดอู่ซ่อมรถเอง และว่างก็ไปแข่งรถเป็นอาชีพเสริม แม้ว่าภรรยากับลูกจะส่งเสริมมาตลอด แต่กลับล้มเหลวในชีวิตบ้านกำลังถูกยึด นี่จึงเป็นโอกาสอันเดียวของเขาที่เหลืออยู่ แต่ก็ไม่วายว่าถูกกีดกันจากภาพลักษณ์ภายนอกที่ฟอร์ดใช้การตลาดนำ ต้องการผู้ดีอเมริกัน ไม่ใช่กุ๊ยๆ แบบเขา ซึ่งคริสเตียน เบล ลดน้ำหนักมาผอมให้เหมือนตัวจริงเป๊ะทั้งโครงร่างหน้าตาด้วย    ดูหนังฟรี

หนังเล่าเรื่องการต่อสู้ ความผิดหวัง การเสียสละหลายๆ อย่างกว่าที่ไมลส์จะกลายมาเป็นนักแข่งตัวจริงที่ผู้บริหารฟอร์ดยอมรับโดยไร้ข้อกังขา ซึ่งเป็นการต่อสู้ของนักแข่งยอดฝีมือหัวขบถ vs ผู้บริหารนักการตลาดที่ไม่ได้รู้เรื่องแข่งรถ แต่กุมอำนาจเหนือกว่านักแข่ง ดูๆ ไปคนดูเผลอๆ มองว่าฟอร์ดเป็นตัวร้ายในเรื่องเสียด้วยซ้ำครับ

ซึ่งเบลถ่ายทอดการแสดงออกมาได้ดีในบทนักแข่งสุดอินดี้ที่เงินจ้างได้ แต่ศักดิ์ศรีนั้นซื้อไม่ได้ และก็ไม่ยอมลดราศอกให้กับนายทุนที่จ้างตัวเขามาเองแท้ๆ คุณจะอินไปกับชีวิตของเคน ไมลส์ นักแข่งที่มีพรสวรรค์ แต่ภาพลักษณ์ห่วยแตกคนนี้ได้แน่นอน  ford v ferrari สปอย

การดำเนินเรื่อง

ในส่วนของเชลบี้เองก็เช่นกัน แม้ว่าเขาจะเชื่อมั่นและลากไมลส์มาร่วมทีมได้สำเร็จ แต่เขาเองก็ต้องทนรับแรงกดดันจากการผลักดันไมลส์ เชลบี้กลายมาเป็นผู้ที่อยู่บนทางสองแพร่ง ต้องรักษาไว้ทั้งความฝันในการทำทีมและกับมิตรภาพของเพื่อนให้ได้ ซึ่งแมตต์ เดมอน ดูหนังออนไลน์  ก็ถ่ายทอดอารมณ์เก็บกดที่ต้องพยายามต่อสู้กับอิทธิพลของผู้บริหารฟอร์ด

ที่พยายามมาครอบงำเขา แม้กระทั่งตั้งทีมแข่งขึ้นมาสู้กับทีมของเชลบี้เองอีกด้วย เพื่อหวังชนะจะได้ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ ซึ่งสุดท้ายเชลบี้ก็ได้ตอกกลับอย่างสะใจ ด้วยการพาประธานฟอร์ดนั่งรถไปให้เห็นของจริงกับความเร็วระดับอ๊วกแตก ซึ่งไม่รู้ว่าฉากนี้มาจากเรื่องจริงแค่ไหน แต่เป็นไฮไลท์ที่ตลกร้ายได้เด็ดดวงมากๆ ครับ ford v ferrari เรื่องย่อ

Ford v Ferrari หนังมีฉากแข่งไฮไลท์หลักๆ สองงานคือ “เดย์โทนา” ของอเมริกา กับ เลอม็องส์ ของฝรั่งเศส ซึ่งสองงานนี้เป็นฉากติดกันเลย และมาหมกไว้ท้ายๆ เรื่อง โดยถ่ายทอดฉากการแข่งที่ทำตามเรื่องราวจริงแทบทั้งหมด แม้แต่อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ในระหว่างการแข่งที่เกิดขึ้น หนังอัดแน่นไปด้วยฉากสปีดขั้นเทพของยุคนั้น

รีวิว ford v ferrari

พล็อตเรื่อง

ให้คนดูได้สัมผัสกับมุมมองของนักแข่งที่เหยียบ 200 ไมล์ขึ้นว่าเป็นยังไง หนังตัดสลับการเข้าเกียร์ แตะเบรค อัดแน่นให้คนดูได้เห็นสกิลการขับแทบทุกอย่าง รวมถึงการเข้าค็อกพิทว่าสำคัญแค่ไหน ซึ่งงานแข่งเลอม็องส์ต้องแข่งติดต่อกัน 24 ชั่วโมงทั้งคนทั้งรถ รวมถึงทีมซ่อมบำรุงที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ไวที่สุดจริงๆ  ดูหนังฟรี

แถมยังมีหยอดมุกตลกร้ายกาจไว้ในช่วงนี้ได้อย่างเนียนๆ อย่างฉากทิ้งน็อตไว้ในโซนค็อกพิทคู่แข่งให้เหวอไปตามๆ กัน การันตีได้เลยว่าแม้หนังจะยาวสองชั่วโมงกว่า และกว่าจะอัดการแข่งจริงจังก็ช่วงท้าย แต่หนังทำได้มันส์คุ้มค่ากับการรอมากจริงๆ ต้องเข้าใจว่ามันเป็นหนังชีวประวัติมากกว่าจะมาแต่งเรื่องให้มีฉากแอ็กชั่นระหว่างทางอย่าง

พวกหนังตระกูลฟาสทำไว้ครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าระหว่างทางจะไม่มีฉากแข่งรถอะไรนะ ก็มีอยู่แต่จะเป็นแนวช่วงทีมพระเอกซ้อมปรับแต่งรถให้เบากับไวขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าจะเป็นฉากบี้สปีดกันในสนามแบบมีคู่แข่งครับ  ford v ferrari เนื้อเรื่อง 

รีวิว ford v ferrari

รีวิว ford v ferrari บทสรุป

นี่เป็นหนังชีวประวัติที่เป็นตำนานขึ้นหิ้งของวงการแข่งรถ ในยุคสมัยที่รถสปอร์ตยังพึ่งเริ่มบูมกันจากการมาของเฟอร์รารี่ ว่ามีอิทธิพลต่อความคิดของเด็กวัยรุ่นยังไง ซึ่งกลายมาเป็นแม้เฟอร์รารี่จะขาดทุนย่ำแย่ แต่กลับเป็นตำนานมากกว่าฟอร์ดที่ผลิตรถวันเดียวขายได้มากกว่าที่เฟอร์รารี่ทำทั้งปี แต่นั่นแหละสิ่งที่เฟอร์รารี่ทำต่อให้ฟอร์ดมีเงินแค่ไหนก็ซื้อมาตรงๆ ไม่ได้ หนังไม่ได้โฟกัสที่เรื่องราวของเฟอร์รารี่มากนัก มีแค่เป็นระยะๆ ในทำนองว่าอิตาลีดูถูกอเมริกาที่มีแต่เงินฟ่อนผลิตรถขายทั่วโลก แต่ก็ซื้อแชมป์โลกไม่ได้

หนังไม่ได้จบลงที่การแข่งดุเดือดของเลอม็องส์ของ Ford v Ferrari แต่เลยไปถึงเรื่องราวหลังจากนั้นที่ไมลส์ทำอะไรที่น่าทึ่งไม่เชื่อว่าเขาจะทำได้ รวมถึงบทสรุปกับรถคันสุดท้ายที่ทำกับเชลบี้จนเป็นตำนานต่อมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนี่เป็นหนังที่ทำมาไม่ใช่แค่มันส์อย่างเดียว แต่ยังเคารพจิตวิญญาณของเคน ไมลส์ ตัวจริงที่ทั้งชีวิตหลงไหลกับการปรับแต่งรถแข่งจนกระทั่งจุดสุดท้ายของชีวิตครับ   ford v ferrari บทสรุป

รีวิว ford v ferrari

โดยรวมหนัง

Ford v Ferrari เป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น ดราม่า และชีวประวัติ เป็นการแข่งขันการเป็นที่หนึ่ง ในโลกของธุรกิจยานยนต์ ซึ่งเป็นการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ระหว่าง Ford กับ Ferrari ทั้งในโลกของธุรกิจและในสนามแข่ง

ในภาพยนตร์ Ford v Ferrari นี้นอกจากจะเป็นการแข่งขันกันในโลกธุรกิจแล้ว หนังยังเน้นการแข่งขันกันในสนาม โดยต่างฝ่ายต่างแย่งชิงความเป็นเจ้าแห่งความเร็ว ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เน้นไปที่เชลบี้และเคน ผู้รับหน้าที่เป็นทีมแข่งรถให้กับ Ford

ในขณะที่ Ford บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่กำลังอยู่ในสภาวะถดถอย Ferrari บริษัทน้องใหม่ก็กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ในการผลิตรถหรู และรถที่เน้นใช้ในการแข่งขัน ทำให้เป็นที่ต้องตาต้องใจของ Ford แต่การเจรจาควบรวมกิจการของทั้งคู่ก็ล้มเหลว ทำให้ Ford ต้องผลิตรถแข่ง และจัดหาทีมแข่งรถขึ้นมาเอง จึงเป็นโอกาสที่เชลบี้ผู้คลั่งไคล้

ในการแข่งรถได้คว้าโอกาสนี้ไว้ และเชลบี้ได้เคนมาเป็นทั้งช่างปรับแต่งรถและคนขับ ซึ่งในหนัง Ford v Ferrari นี้ เน้นที่การแข่งรถกันตลอดทั้งเรื่อง โดยมีรถ Ferrari และ Ford เจ้าแห่งความเร็วทั้งคู่ คอยขับเคี่ยวกันในสนาม

หลังจากที่เชลบี้ได้เคนผู้ที่คลั่งไคล้ในการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจมาร่วมทีม รวมทั้งเคนยังมีฝีมือในการปรับแต่งรถแข่งได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และเชลบี้เองก็เคยเป็นนักแข่งรถมาก่อน ก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ทำให้เคนและเชลบี้สามารถที่จะเข้าขากันได้ดี หลังจากที่เชลบี้เจรจาตกลงกับ Ford ได้เป็นที่เรียบร้อย ทีมของเขาก็คว้าชัยชนะและสร้าง

ชื่อเสียงให้กับ Ford อย่างต่อเนื่อง และเคนเองก็เป็นเจ้าสนามโดยที่ไม่มีใครตามเขาได้ติด แต่สุดท้ายเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับเกมธุรกิจในการแข่งครั้งสุดท้าย ทำให้เคนอดที่จะได้ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่   ford v ferrari สนุกไหม

หลังจากที่ได้ดูหนัง Ford v Ferrari แล้ว จุดเด่นของหนังอยู่ที่ความมันในการแข่งรถของทีม Ford และ Ferrari ที่ขับเคี่ยวกันในสนาม และความบ้าคลั่งในการแข่งรถของเชลบี้กับเคน ที่ทำให้หนังมีความมันระทึกใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะความสามารถในการปรับแต่งและขับรถของเคน แต่หนังเรื่องนี้ก็ต้องจบลงอย่างน่าผิดหวัง

เมื่อเคนถูกสั่งชลอความเร็ว เพื่อรอคันอื่นในทีม แต่สุดท้ายเขาถูกแย่งตำแหน่งที่หนึ่งไป และเขาก็ตายไปอย่างเศร้าโศกเสียใจ ทำให้ผู้ที่รักและทุ่มเทในการแข่งรถ ต้องตกเป็นเหยื่อของเกมธุรกิจอย่างน่าเสียดาย

ซึ่งหนังเรื่องนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความรักความหลงไหล ที่จะทำในสิ่งที่ตนเองรัก เหมือนที่เชลบี้และเคนหลงไหลในการแข่งรถ เพราะฉะนั้น การทำอะไรก็ตามถ้าทำในสิ่งที่ตนเองรัก เราก็จะทำออกมาได้ดี เหมือนกับที่เคน และ เชลบี้ ได้ทำ แต่น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้จบแบบ Happy Ending แต่ได้บอกถึงความจริงในชีวิตของคนเรา และเกมธุรกิจได้เป็นอย่างดี

แต่โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังที่ดีมีคุณภาพอีกเรื่องหนึ่ง ที่ดูแล้วสนุก มัน และระทึกใจมากที่อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันครับ

ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่   รีวิวหนังใหม่ชัด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *