รีวิว choose or die
หนัง Original Netflix เรื่องราวของวิดีโอเกมจากยุค 80 ที่มีเงินรางวัล 125,000 เหรียญมาล่อ แต่เกมนี้กลายเป็นเกมเสมือนจริง เมื่อมันเล่นกับความเป็นความตายในชีวิตจริงของผู้เล่น
เรื่องราวของเด็กวัยรุ่นนักศึกษา ชื่อว่า Kayla (รับบทโดย Iola Evans) ที่กำลังหาทางเพื่อจะทำให้ชีวิตการเป็นอยู่ของตัวเองและครอบครัวดีขึ้น จนวันหนึ่งระหว่างที่เธอกำลังรื้อของเก่าของเพื่อนเธอ Issac (รับบทโดย Asa Butterfield) เธอก็ได้เจอกับเกมปริศนาจากยุค 80 ซึ่งที่ตลับเกมมีเขียนไว้ว่าถ้าชนะเกมนี้จะได้รางวัล 1 แสนเหรียญ
สุดท้าย Kayla ตัดสินใจที่จะเล่นเกมนี้ แต่เกมนี้กลับกลายเป็นเกมที่อยู่ในชีวิตจริงๆ และเป็นเกมสยองขวัญที่ต้องเลือกเท่านั้น เลิกก็ไม่ได้ ต้องเล่นไปเรื่อยๆ สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร เธอจะต้องเจอกับเกมหฤโหดอะไรบ้าง และจะสามารถเอาชนะเกมนี้ได้หรือไม่ ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง หนังแนะนำใหม่
เมื่อเคย์ลาหญิงสาวจากย่านสลัมเผลอไปเล่นเกมต้องคำสาปเข้า ทำให้ต้องเผชิญกับตัวเลือกสุดโหด ถ้าไม่เลือกก็มีแต่ตาย!
แม้ ‘Choose or Die’ ผลงานของผู้กำกับชื่อไม่คุ้นอย่าง โทบี เมกินส์ (Toby Meakins) จะเดินเรื่องด้วยพล็อตที่ไม่ได้ชวนให้รู้สึกแปลกใหม่มากกับเกมคอมพิวเตอร์ต้องคำสาปที่ผู้เล่นไม่สามารถหนีพ้น ต้องเล่นให้ชนะหรือไม่ก็ตาย อาจด้วยเพราะเราผ่านหนังเกรดบีแนวนี้มาบ้างแบบดัดหลบวิธีเล่ากันอย่างละนิดละหน่อย เกี่ยวกับเกมมรณะที่มีอำนาจลึกลับควบคุมผู้เล่นให้ต้องเอาชนะไปเรื่อย ๆ
และก็ต้องยอมรับว่าแม้พลอตมันจะไม่ได้ดูใหม่แต่มันก็น่าสนใจอยู่วันยังค่ำ กับการได้ดูตัวละครเผชิญอาถรรพ์เหนือธรรมชาติที่ยากจะเข้าใจและถูกกดดันให้ต้องเล่นเกมนั้น แน่นอนว่านอกจากการเดินเรื่องแบบธริลเลอร์ที่ชวนลุ้นว่าตัวละครจะเอาตัวรอดหรือจะหาวิธีผ่านในแต่ละด่านได้อย่างไรแล้ว อีกอย่างที่ทำให้หนังแนวนี้น่าสนใจเสมอคือปมปริศนาว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งหนังส่วนมากมักจะตกม้าตายกันตรงนี้เสียส่วนใหญ่
ซึ่งข้อดีหนึ่งของหนังเรื่องนี้ก็คือ หนังมีไอเดียที่น่าสนใจในการหาที่มาที่ไปของเกม และเมื่อเฉลยที่มาที่ไปแล้วคนดูไม่รู้สึกว่าผู้สร้างแถ และดูถูกคนดูมากเกินไป รวมถึงด่านสุดท้ายของตัวเกมเป็นอะไรที่สร้างสรรค์และไม่เหมือนใครดี แม้ด้านโปรดักชันอาจไม่ได้ดูอลังการสมการรอคอย แต่แค่ไอเดียของการเล่นมันก็ชวนให้เดาได้ยากทีเดียว ดูหนัง
รีวิว choose or die
รีวิว choose or die สำหรับหน้าหนังนั้นได้ อาซา บัตเทอร์ฟิลด์ (Asa Butterfield) มาชูโรง โดยช่วงหลังเขาเหมือนจะมีผลงานดังแค่ซีรีส์ ‘Sex Education’ และเหตุผลในการเล่นเรื่องนี้ก็อาจแค่เพื่อช่วยให้หนังเรื่องนี้มีดาราที่มีชื่อเสียงบ้างไม่ดูเกรดต่ำจนเกินไป และอาจเพื่อให้คนดูคาดไม่ถึงกับบางฉากในหนังว่าผู้กำกับจะเอาบัตเทอร์ฟิลด์มาเล่น เว็บหนัง
แบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบทบาทที่บัตเทอร์ฟิลด์ได้รับนั้น แทบไม่ได้ต้องการฝีมือการแสดงอะไรมากมายเลยจะเป็นดาราคนไหนก็น่าจะเล่นได้ จึงเป็นความน่าเสียดายสำหรับแฟนคลับของเขาที่ติดตามมาตั้งแต่ ‘The Boy in the Striped Pyjamas’ (2008) ที่หนังใช้ประโยชน์จากเขาน้อยเกินไป choose or die สปอย
ตัวหลักของหนังจริง ๆ เป็นฝั่งตัวละครสาวอย่าง เคย์ลา ที่ได้นักแสดงหน้าและชื่อไม่คุ้นอย่าง ไอโอลา อีแวนส์ (Iola Evans) เสียมากกว่า เธอต้องรับบทหญิงสาวที่ตะเกียกตะกายหาชีวิตที่ดีกว่าแต่ด้วยสภาพฐานะทางบ้านที่อาศัยในแฟลตสลัมย่านค้ายาเสพติด เธอจึงเลือกได้แต่เป็นพนักงานทำความสะอาดจนวันหนึ่งได้มาพบเกมเก่า
ที่เพื่อนชายอย่าง ไอแซก (อาซา บัตเทอร์ฟิลด์) ไปเหมายกกระบะมา เธอเอามาเล่นเพราะไอแซกบอกว่าบางครั้งเกมเก่าพวกนี้ก็ซ่อนพวกรางวัลที่เป็นเงินไว้ ด้วยภูมิหลังตัวละครที่มีดราม่าในครอบครัวค่อนข้างมากทำให้ตัวละครนี้ดูมีชีวิตมากที่สุดไปตามระเบียบ แต่ถามว่าอีแวนส์โดดเด่นเป็นที่จดจำได้ไหม ก็ต้องตอบว่ายังไม่ได้ ดูหนังออนไลน์
choose or die การดำเนินเรื่อง
ส่วนแรกที่จะมาเริ่มรีวิว คือเรื่องของบท เรื่องบทของหนังเรื่องนี้ถือว่าธรรมดาทั่วไป แต่ก็ยังมีสิ่งที่ผมค่อนข้างชอบ นั่นคือไอเดียที่มาของเกมที่หนังเล่า น่าสนใจดี ส่วนการดำเนินเรื่อง ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เล่าเรื่องอะไรเข้าใจหมดเลย แต่แค่เล่าเร็วมาก จนละเลยความสัมพันธ์ระหว่างคนดูและตัวละคร แต่สำหรับผมก็พอดูได้
ต่อมาด้านการแสดง ในส่วนนี้ผมมองว่าทุกคนแสดงได้ดีกันหมด แสดงได้สมกับบทบาทที่ได้รับ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับดีมาก แค่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป ส่วนตัวผมชอบตัวละคร Issac (รับบทโดย Asa Butterfield) สำหรับนักแสดงหนุ่มคนนี้ ทุกคนก็คงคุ้นหน้าคุ้นตาเค้ากันดี เพราะเขาผ่านผลงานการแสดงมาไม่น้อยเลย ซึ่งเรื่องนี้เขาก็แสดงดีเหมือนเคย แต่เสียดายที่เป็นแค่บทรอง แต่เขาก็ทำได้ดีแล้วเทียบกับบทที่ได้รับ ส่วนตัวละครนางเอก และตัวละครอื่นๆ ก็เล่นได้ดีตามมาตรฐาน choose or die สปอยตอนจบ
ด้านงานภาพและการโปรดักชั่น ในด้านนี้นี่ออกมาดูดีที่สุดเลย ทำออกมาได้ดีมากๆ งานภาพก็ดี เก็บรายละเอียดภาพดี เกลี่ยสีดีด้วย คือพื้นหลังกับสีเสื้อผ้าตัวละคร จะเข้ากันแทบตลอดทั้งเรื่อง ฉากที่เห็นได้ชัดสุดคือช่วงกลางเรื่อง ที่ทั้งสองคนหาที่มาของเกมและแอบเดินทางไปยังโกดังแห่งหนึ่ง ฉากตอนเดินเข้าโกดังนี่ถ้าสังเกตจะเห็นเลย
ว่าสีพื้นหลัง กับสีเสื้อผ้าของสองตัวละครนี้ มีความเข้ากันมาก เรื่องนี้ขอชมจริงๆ โทนสีที่ใช้ในเรื่องก็ดี งานซีจีก็ออกมาไม่ได้แย่ ดีใช้ได้เลย โดยรวมแล้ว ผมรับได้หมดทุกด้าน แต่ถ้าบทและการเล่าเรื่องออกมาดีกว่านี้ จะสนุกมากๆ ดูหนังออนไลน์
หนังสยองขวัญจาก Netflix ว่าด้วยเกมลึกลับที่มีอำนาจในการบังคับให้ผู้เล่น “เลือก” หรือ “ตาย” เท่านั้น โดยตัวเอกของเรื่องต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากเกมมรณะนี้ให้ทันเวลา รวมไปถึงค้นหาความจริงที่ว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สุดสะพรึงครั้งนี้
Choose or Die เป็นผลงานการกำกับของโทบี้ มีกินส์ ผู้กำกับหนังสั้นเลือดใหม่ไฟแรง ที่มาจับงานหนังยาวเป็นเรื่องแรกเพื่อบอกเล่า เรื่องราวของเกมคอมพิวเตอร์ 8 Bit ที่มีระบบป้อนข้อมูลง่ายๆ ตัวเกมจะถามคำถามให้ผู้เล่นต้องเลือกว่าจะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร อาทิ ตัดลิ้น หรือ ตัดหู โดยผู้เล่นจำเป็นต้องเลือกคำตอบเท่านั้น ไม่เช่นนั้นผู้เล่นจะต้องตาย!
เคย์ล่า (ไอโอล่า อีแวน) สาววัยรุ่นระดับชนชั้นกรรมมาชีพที่ต้องตรากตรำทำงานเป็นภารโรงทำความสะอาดตึก เธอต้องรับผิดชอบแม่ที่ป่วยติดเตียง ลำพังหาเงินเลี้ยงชีพก็แทบจะไม่พอยาไส้ มิหนำซ้ำค่าเช่าห้องโกโรโกโสที่เธอไว้ซุกหัวนอนกับแม่กำลังจะถูกยึด ความลำบากยังไม่ทันหาย ความซวยก็เข้าแทรก เมื่อเธอดันไปเจอเกมคอมพิวเตอร์ที่ชื่อ Curs>r ที่บังคับให้เธอต้องเล่นเกมนรก โดยแต่ละด่านนั้นเธอต้องทำร้ายชีวิตของคนรอบตัวจนแทบหัวใจจะสลาย รีวิวหนังใหม่ชัด
choose or die จุดเด่น
แม้หนังจะเล่าเรื่องตามสูตรสำเร็จแบบตัวละครเอกต้องตะลุยด่านความสยองของเกมแต่ละเลเวลแบบไม่มีอะไรเหนือความคาดเดา แต่สิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือไปจากความซ้ำซากจำเจ คือการเซทอัพรูปแบบเกม Curs>r ที่เป็นเกมคอมพิวเตอร์สไตล์ยุคแรกเริ่มที่อาศัยการป้อนคำสั่งเพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งมีความเรียบง่าย
ไม่สลับซับซ้อนแต่เมื่อหนังหยิบเอาชีวิตของคนมาเป็นตัวเลือก การตัดสินใจของผู้เล่นจึงยากตามกระบวนการคิดไปด้วย จะว่าไปตอนที่เคย์ล่าต้องเล่นเกมในเลเวลที่
2 สิ่งที่น่าสนใจในเกมนี้คือ เธอต้องบังคับตัวละครผู้เป็นแม่ให้วิ่งหนีจาก “หนูยักษ์” ในห้องพักของตัวเอง ซึ่งรูปแบบเกมนั้นคล้ายคลึงกับเกมดังอย่าง PAC-MAN ที่ผู้เล่นจะต้องบังคับเจ้าแพคแมนกินจุดให้ครบทั้งตารางและต้องคอยหลบเลี่ยงผีน้อยในการโจมตี choose or die ซับไทย
จะเห็นได้ว่าตัวผู้กำกับอย่างโทบี้ มีกินส์ ซึ่งกำกับและเขียนบทร่วมกับไซมอน อัลเลนและแมททิว เจมส์ วิลคินสัน มีความหลงใหลในเกมเกมอาร์เคด (Arcade) และเกมคอมพิวเตอร์ ก่อนจะนำเรื่องราวของคำสาปมาผสมผสานเข้าไป ซึ่งคล้ายคลึงกับการได้อิทธิพลของหนังยุค J-Horror อย่าง The Ring ที่ว่าด้วยอำนาจชั่วร้ายได้ถูกบันทึกลงในสื่อดิจิทัล
รีวิว choose or die บทสรุป
รีวิว choose or die แม้หนังจะเล่นจบแบบมีปลายเปิดตามสไตล์หนังสยองขวัญ แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในตอนจบของเรื่องนั้น บอกความจริงอันแสนโหดร้ายของมนุษย์ที่ว่า เมื่อถึงคราวจนตรอกจนไม่เหลือหนทาง บางครั้งความดีที่สั่งสมมาก็ไม่มีความจำเป็นเท่าความอยู่รอด!
หนังสยองขวัญของอังกฤษที่มี เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ แสดงนำ ร่วมกับ Iola Evans กำกับโดย Toby Meakins เป็นผลงานการกำกับครั้งแรก เป็นหนังของ Netflix โดยตรง จัดว่าเป็นหนังทุนต่ำที่พยายามขายไอเดียแปลกประหลาดในพล็อตวิดีโอเกมสยองขวัญ ด้วยพล็อตง่ายๆ ว่าตัวเอกทั้งคู่ได้ไปเจอวิดีโอเกมสมัยยุค 1980 ที่มีการให้รางวัลผู้เล่น
ที่เคลียร์เกมได้ พวกเขาจึงเปิดเล่น แต่แล้วกลับกลายเป็นว่าเกมนี้เล่นเหมือนจริงด้วยการให้ตัวผู้เล่นเลือกทำหรือไม่ทำ ซึ่งส่งผลถึงความเจ็บปวดและความตายของผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อของเกมนั้น ซึ่งพล็อตเรื่องแนวนี้ไม่ได้ใหม่มาก อาจจะคล้ายๆ กับพวกแนวเดอะริงที่เป็นวิดีโอเทปต้องสาป แต่เรื่องนี้คือเกมแทนเท่านั้น choose or die บทสรุป
choose or die โดยรวมหนัง
ด้วยความที่เป็นหนังทุนต่ำ อาศัย เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ มาขายนำแสดง แต่ที่จริงเขาเป็นแค่บทสมทบช่วงหนึ่งในเรื่องเท่านั้น ซึ่งก็อาจจะทำให้คนดูผิดหวังได้พอสมควร เพราะตัวเรื่องจริงๆ คือโฟกัสไปที่นางเอกเคย์ล่า ซึ่งเป็นคนเริ่มเล่นเกมนี้เพื่อต้องการเงินมาช่วยแม่ที่ป่วยด้วยฐานะทางบ้านยากจน แถมยังมีชายหื่นที่หวังเคลมเธออยู่ที่นั่นด้วย เอซา
ก็เป็นเพื่อนชายที่ชอบเธอ แล้วก็เป็นนักสร้างเกมอินดี้ด้วยตัวเอง ซึ่งตัวเรื่องปูเนื้อหาส่วนนี้ไว้เพียงนิดหน่อย แล้วก็เข้าเนื้อหาหลักเล่นเกมในเวลาไม่นาน ซึ่งตัวหนังก็ยาวแค่ 1 ชั่วโมง 18 นาที (ไม่รวมเครดิต) ซึ่งสั้นมากๆ เนื้อเรื่องจึงดำเนินไปค่อนข้างไวต่อเนื่องด้วยการใช้ฉากสยองขวัญทีละเลเวลแบบเกม ซึ่งฉากเหล่านี้ก็ไม่ได้ถึงกับสยองอะไรมาก เน้นหวาดเสียวนิดๆ แค่นั้น แล้วก็ออกแนวหนังคัลท์ด้วยการทำฉากวิดีโอเกมล้วนๆ
แทนฉากสยองของจริงที่เกิดในตอนนั้น หรือฉากสยองขวัญแบบแปลกๆ choose or die สนุกไหม
ให้ตัวละครเป็นเหมือนวิดีโอเกมดิจิตอล ซึ่งเข้าใจว่าต้องการเซฟงบลดต้นทุนมากกว่าจึงเลือกการสร้างฉากออกมาแนวๆ นี้ ซึ่งมันไม่เวิร์คเท่าไหร่ถ้าคนตั้งใจมาดูหนังสยองขวัญอาจจะงงๆ แทนด้วยว่าฉากพวกนี้มันสยองอีท่าไหน แต่ถ้ามองว่านี่เป็นหนังคัลท์ทุนต่ำมันก็เสนอไอเดียฉากสยองขวัญที่แปลกพิลึกดีเหมือนกันครับ