รีวิว Black Crab

รีวิว Black Crab

ฤดูหนาวเยือกแข็งแสนหฤโหดในโลกยุคล่มสลายเพราะสงคราม ทหาร 6 นายถูกรวบรวมมาทำภารกิจเสี่ยงตายโดยการขนส่งแคปซูลปริศนาที่จะช่วยยุติสงคราม แต่ปัญหาคือพวกเขาต้องเข้าสู่แดนของศัตรูข้ามทะเลที่กลายเป็นแผ่นน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตา เรื่องราวทั้งหมดอยู่ในยุคสงครามโลกครั้งที่สาม เอียดห์ (รับบทโดย นูมิ ราเพซ) เธอและลูกสาวถูกทหารจับไป

และแยกทั้งคู่ออกจากกัน จากนั้นหนังก็ข้ามไปหลายปีต่อมา เอียดห์ที่ตอนนี้ถูกฝึกมาจนกลายเป็นทหารมากฝีมือ เธอถูกแยกจากลูกตั้งแต่ที่ถูกจับมาและไม่ได้เจอเธอมาหลายปีแล้ว เธอถูกกองทัพเรียกตัวไป และหัวหน้าได้บอกให้เธอเข้าร่วมทำภารกิจที่จะพลิกเกมส์สงครามในครั้งนี้ คือการนำส่งวัสดุโดยเดินทางด้วยสเก็ตน้ำแข็งข้ามทะเลน้ำแข็ง ไปยังระยะเป้าหมายที่ห่างไกลกว่า 100 ไมล์ทะเล (185.2 กิโลเมตร)

เว็บดูหนัง

ที่ต้องใช้สเก็ตน้ำแข็งเพราะแผ่นน้ำแข็งบนทะเลบางเกินกว่าจะรับน้ำหนักของรถได้ จึงต้องใช้คนไปส่ง ซึ่งได้ตั้งชื่อภารกิจครั้งนี้ว่า “Black Crab (ปูดำ)” มีสมาชิกในทีมทั้งหมด 6 คน ซึ่งตอนแรกเอียดห์ไม่อยากทำเพราะมันเสี่ยงเกินไป แต่หัวหน้าบอกว่าลูกสาวที่หายตัวไปของเธอ อาศัยอยู่ที่จุดหมายปลายทางที่ต้องนำส่งพัสดุอยู่แล้ว เธออยากเจอลูกสาวจึงตัดสินใจรับทำภารกิจเสี่ยงตายในครั้งนี้

นอกจากความเสี่ยงจากการเดินทางที่จู่ๆ ถ้าแผ่นน้ำแข็งบางและแตกก็อาจจะตายได้ง่าย แต่พวกเขายังต้องเจอกับเหล่ากองทัพศัตรูที่คอยไล่โจมตีพวกเขาแบบไม่หยุดหย่อน บทสรุปของภารกิจครั้งนี้จะเป็นอย่างไร เอียดห์จะได้เจอลูกสาวอีกครั้งหรือไม่ และพัสดุสำคัญที่พวกเขาต้องนำส่งแท้จริงแล้วคืออะไร

มาเริ่มรีวิวกันเลย เริ่มที่การแสดงก่อนแล้วกัน นักแสดงทุกคนน่าจะเป็นชาวเดนมาร์กหมด ยอมรับว่าผมไม่รู้จักซักคน แต่พวกเขาทำได้ดีเลยทีเดียว ทุกคนเล่นได้ไม่ถึงกับดีเลิศ แต่ก็ไม่ได้แย่ ธรรมดากลางๆ จะมีที่ผมชอบอยู่สองคน ได้แก่ ตัวละครหลักคือนางเอก ที่ได้โชว์สกิลการแสดงมากสุด ซึ่งเธอคนนี้ก็ทำได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว ช่วงท้ายๆนี่แทบจะแบกหนังไว้คนเดียว อีกคนที่ชอบก็ตัวละครผู้หมวดนีลุนด์ คนนี้เล่นดีเหมือนกัน ทั้งเรื่องผมจำได้อยู่สองคนเนี่ยแหละ เพราะเด่นสุดแล้ว

ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญของสวีเดนที่มีแบ็คกราวด์อยู่ในโลกหลังหายนะที่ถูกทำลายล้างด้วยสงคราม ผ่านการเดินทางด้วยสเก็ตน้ำแข็งที่ถือว่าแปลกใหม่เลยในหนังสงครามแบบไม่เคยมีมาก่อนแน่ๆ ที่ใช้ฉากผืนน้ำแข็งเป็นโลเกชั่นหลัก ซึ่งโดยปกติหนังสงครามเราจะได้เห็นฉากระเบิด พื้นดินระเบิด ไฟไหม้ อะไรต่างๆ เหล่านี้ที่ชวนให้คิดทันทีว่าถ้าไปวางเรื่องราวไว้บนผืนน้ำแข็งที่เปราะบางแตกง่ายจะเป็นเช่นไร มันเป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก และหนังเรื่องนี้ก็สามารถสร้างมันออกมาได้แปลกใหม่ชวนระทึกได้ตลอดเรื่องจริงๆ

ตัวหนังสร้างจากนิยายมีชื่อเสียงของนักเขียน Jerker Virdborg ซึ่งการที่เป็นนิยายมาก่อนก็ทำให้ตัวเรื่องละเอียดมีเนื้อหาลึกมากกว่าหนัง Netflix โดยทั่วไปแบบเห็นได้ชัด และที่น่าแปลกใจคือผู้กำกับ อดัม เบิร์ก (Adam Berg) ดูจากผลงานที่ผ่านเคยกำกับแค่หนังสั้นสองเรื่อง นอกนั้นเป็นมิวสิควิดีโอ นี่จึงเป็นผลงานหนังเต็มตัวเรื่องแรกของเขา และยังได้ดาราชื่อดังอย่าง นูมิ ราเพซ มาแสดงนำ พร้อมกับงานโปรดักชั่นที่ใหญ่โต ถือว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับหนังสร้างจากเน็ตฟลิกซ์ (เท่าที่สืบค้นเรื่องนี้ไม่เคยได้ฉายโรงมาก่อน มีแค่เปิดตัวในงานเทศกาลครั้งเดียวเท่านั้น)

รีวิว Black Crab

จุดเด่นสุดของเรื่องนี้คือฉากสงครามผ่านการใช้สเก็ตน้ำแข็งในทะเลน้ำแข็ง ซึ่งตัวเรื่องในส่วนนี้มีถึงราวๆ 70% ของเรื่อง เรียกว่าเป็นงานขายฉากแอ็กชั่นสงครามบนผิวน้ำแข็งที่แปลกตามาก เริ่มตั้งแต่การเล่นสเก็ตหลบหลีกการโจมตีข้าศึกแบบต่างๆ ซึ่งในเรื่องใส่มาแทบครบเลยดีกว่า ตั้งแต่ฮอไล่ยิง ปืนกล สไนเปอร์ หรือแม้แต่จรวดหัวรบยิงถล่มก็มี เพียงแต่ไม่ได้ตกลงที่พื้นนำ้แข็งโดยตรง แต่ก็เป็นฉากใหญ่เปิดเรื่องก่อนลงพื้นน้ำแข็งที่ทำให้เห็นเลยว่างานโปรดักชั่นรวมถึง CG ของเรื่องนี้ไม่เล็กเลย

ส่วนใครที่คิดว่ายิงกันขนาดนั้นแล้วพื้นน้ำแข็งไม่แตกหรือไง ในเรื่องก็อาจจะมีจุดที่ดูเว่อร์ๆ อยู่บ้าง แต่หลายฉากก็ทำให้เราพอเชื่อได้ แล้วก็มีพวกอุบัติเหตุจากน้ำแข็งแตกจากการเดินทางรวมอยู่ด้วย รวมถึงฉากดำไปใต้น้ำ ซึ่งภัยอันตรายทุกอย่างที่เกิดกับผืนน้ำแข็งในเรื่องนี้มีไว้หมด รวมถึงพวกฉากโลกหายนะในทะเลน้ำแข็ง อย่างเรือโดยสารถูกแช่งแข็งครึ่งลำ สุสานศพใต้น้ำแข็ง ในหนังอธิบายไว้ว่าเป็นครั้งแรกใน 37 ปีที่ทะเลกลายเป็นน้ำแข็งหมด แต่ไม่ได้บอกสาเหตุไว้ แต่ก็น่าจะเกิดจากผลกระทบจากสงครามในเรื่องนี้  นอกจากนั้นวิวเวิ้งว้างกลางทะเลน้ำแข็งในเรื่องยังดูสวยแปลกตา จนสงสัยว่าถ่ายทำกันได้ยังไงถ้าไม่ใช้ CG ซึ่งเนียนจนแยกไม่ออกจริงๆ

ต่อมาเรื่องบท ในด้านนี้ผมมองว่าธรรมดาสุดๆ ไม่แปลกใหม่อะไรมากมาย แถม ง่ายๆไม่ซับซ้อน แต่ผมก็พอรับได้ดูได้เรื่อยๆ ตัวบทมันไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ แค่นางเอกทำภารกิจเพราะหัวหน้าบอกว่าลูกของเธออยู่ที่ปลายทางที่จะไปส่งของ จึงเป็นเหมือนแรงผลักดันให้กับเธอ เนี่ยประเด็นหลักมีแค่นี้เลย กับขนส่งพัสดุ ไม่มีการเล่าปูมหลังสงคราม หรือบอกว่าใครรบกับใครเลย ถ้ามีการเล่าภาพรวมของหนังให้คนเข้าใจมากกว่านี้ก็คงจะดีกว่านี้

ต่อมากการดำเนินเรื่อง การดำเนินเรื่องก็อยู่ในระดับธรรมดามากเหมือนกัน แทบจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ ใครไม่ชอบแนวเล่าเรื่องเรื่อยๆนี่อาจมีหลับ คือเขาก็ไม่ได้เล่าเรื่องยืดเยื้ออะไรหรอก แค่หนังเขาจะมาแนวเงียบๆ ให้เราได้ดูงานภาพซะเยอะ บทพูดไม่ได้เยอะมาก ใครชอบแนวนี้ก็อาจจะถูกใจได้ไม่ยาก และท้ายสุดคือด้านงานภาพและโปรดักชั่น ข้อนี้คือจุดแข็งของหนังเรื่องนี้เลย งานภาพดีงามมากๆ ภาพสวยมาก ถ่ายบรรยากาศ ธรรมชาติในหนังออกมาได้งดงามเหลือเกิน ด้านการโปรดักชั่นก็ดี ฉากยิงกันก็มันส์ใช้ได้ ถึงเลือดถึงเนื้อ คือฉากแอ็คชั่นของเรื่องนี้ผมมองว่าทำออกมาได้ดีมากแล้ว ถ้าเกาบทให้ดีและมีมิติกว่านี้มันคงจะสนุกมากแน่ๆ น่าเสียดาย

ดูหนัง

รีวิว Black Crab

ความรู้สึกหลังดู

สุดท้ายนี้ภาพรวมของหนังเรื่องนี้ถือว่าทำออกมาได้อยู่ในระดับที่ดีใช้ได้ ภาพสวยไร้ที่ติ การโปรดักชั่นต่างๆ ทั้งเสียงประกอบ แสง โทนสีที่ใช้ เสื้อผ้าหน้าผม ทั้งหมดทำออกมาได้ดีเยี่ยม นักแสดงทุกคนก็เล่นได้ดีตามมาตรฐานทั่วไป ติดแค่บทที่ไร้มิติไปซักหน่อย แต่ก็ยังใช้ได้ และการดำเนินเรื่องที่อาจจะช้าๆอืดๆไปบ้าง ซึ่งหากใครที่ชอบดูหนังแนวสงคราม ผมก็ยังคงแนะนำให้ลองไปหาดูกันนะครับ หนังมันไม่ถึงกับดีเลิศอะไร แต่ก็ไม่ได้ถึงกับขึ้นห่วยหรือแย่ ดูได้เพลินๆ เผลอๆบางคนดูแล้วอาจจะชอบก็ได้

เอาละครับหนังจากเน็ตฟลิกซ์สวีเดนอาจไม่ได้เป็นที่สนใจในบ้านเราบ่อยนัก หรือพูดให้ถูกคือหนังโซนยุโรปที่ไม่ใช่จากประเทศอังกฤษถือว่าเป็นของไม่ถูกโฉลกกับคอหนังบ้านเราเสียส่วนใหญ่ และหนังเรื่องนี้จึงพยายามขายดาราอย่าง นูมิ ราเพซ (Noomi Rapace) ที่โด่งดังจากหนัง ‘The Girl with the Dragon Tattoo’ (2009) ฉบับดั้งเดิมของสวีเดน จนมีโอกาสได้ร่วมงานหนังบล็อกบัสเตอร์ฝั่งฮอลลีวูดอีกมากมายหลังจากนั้น เป็นดาราสวีเดนไม่กี่คนที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างแท้จริง เพื่อทำให้หนังน่าสนใจสำหรับคอหนังทั่วไปมากขึ้น

ทว่าเมื่อรับชมเข้าจริงแล้ว ต้องยอมรับว่านี่เป็นหนังแนวโรดมูฟวี่ที่เปลี่ยนจากท้องถนนเป็นทะเลน้ำแข็ง เปลี่ยนจากดราม่าเพื่อนร่วมทางไปสู่ความเข้มข้นของนายทหารจำเป็นในสงคราม ที่ภารกิจไม่ใช่การตามหาความฝันหรือเรียนรู้ชีวิตแต่เป็นการเอาชนะสงคราม เป็นความรู้สึกที่ใกล้เคียงหนังสงครามที่เดินเท้าเข้าแดนศัตรูอย่าง ‘Saving Private Ryan’ (1998) ในแบบที่ลดดีกรีความคลาสสิกลงมา ไม่ละเมียดเท่าแต่ก็มีกลิ่นความระทึกและน่าติดตามอย่างมีชั้นเชิงเช่นกัน

ราเพซรับบทเป็นคุณแม่ที่พลัดพรากจากลูกสาวไปขณะสงครามเริ่มต้นได้ไม่นาน เธอจึงเข้าเป็นทหารเพื่อตามหาลูกและวันหนึ่งก็ถูกตามตัวเร่งด่วนเพื่อเข้ารับภารกิจปูดำที่ต้องอาศัยความมืดยามค่ำคืนไถสเกตข้ามทะเลที่กลายเป็นน้ำแข็งดำเพื่อไปส่งแคปซูลบางอย่างที่จะช่วยให้สงครามยุติในดินแดนของศัตรู แต่เธอเพียงต้องการไปพบลูกสาวที่มีรายงานว่าอยู่ที่เมืองดังกล่าวเท่านั้น

และเมื่อกลุ่มจัดตั้งอย่างเร่งรีบทหารอีก 5 คนที่ถูกเข้าร่วมภารกิจจึงต่างทั้งบุคลิกและจุดมุ่งหมาย มีคนที่แก่วุฒิภาวะสูงคอยเป็นกาวใจ มีสไนเปอร์หนุ่มที่ยังคงมองหาเหตุผลของสงคราม มีพลวิทยุสื่อสารที่ร้อนรนเพราะไม่รู้ว่าแฟนสาวเป็นหรือตายเมื่อเขาจากมา รวมถึงทหารอาชีพที่เหมือนรู้ลับลมคมในของภารกิจบางอย่างอยู่ ทั้งหมดก็สร้างเคมีในกลุ่มให้ดูมีความขัดแย้ง ความไม่ลงรอย และก่อความผูกพันแบบแปลก ๆ ขึ้นระหว่างการเดินทาง

ตรงนี้เป็นจุดดีทีเดียวที่หนังไม่ปูเรื่องราวของตัวละครอื่นมากนัก แต่ให้เราค่อย ๆ รู้ไปเอง ทำให้หนังไปเน้นการคิดเส้นเรื่องและอุปสรรคระหว่างทางได้อย่างน่าตื่นเต้น เช่น บ้านของคู่สามีภรรยาที่ไม่ยอมอพยพ ป้อมปืนกลบนเกาะกลางทะเล แผ่นน้ำแข็งเปราะบางที่พร้อมจะแตกเมื่อก้าวผ่าน เป็นต้น หนังจึงดูสนุกและลุ้นระทึกบ้าง ถ้าเป็นเกมก็คือมีการออกแบบด่านได้อย่างน่าสนใจ ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของตัวละครที่เราชมอยู่ได้ดีจนละสายตาไม่ได้ในที่สุด

เว็บหนัง

รีวิว Black Crab

นอกจากนี้แล้วตัวเรื่องยังมีปมหลักที่ชวนให้น่าสงสัยแต่แรกว่า ของในภารกิจนี้คืออะไร ทำไมถึงตัดสินแพ้ชนะสงครามได้เลย ซึ่งปมนี้ถูกผลักดันไปควบคู่กับเป้าหมายของนางเอกที่ต้องการไปพบลูกสาวในจุดหมายปลายทางแบบมุ่งมั่นเอาชีวิตเข้าแลก จนทำให้การตัดสินใจของตัวนางเอกในบางครั้งดูแย่เพราะไม่คิดถึงคนอื่นในทีมเลย

ซึ่งทั้งหมดจะมีที่มาที่ไปโดยตอนเปิดเรื่องเราจะได้เห็นฉากจุดเริ่มสงครามวันแรกที่มีการก่อการร้าย และอาจจะทำให้เธอสูญเสียลูกสาวไปในวันนั้น แต่ในฝันระหว่างพักสั้นๆ ทุกครั้งเรื่องจะแฟลชแบ็คเล่าย้อนกลับไปว่าเธอกับลูกใช้ชีวิตยังไงในช่วงสงคราม ซึ่ปมนี้ถูกทำให้คลุมเครือเป็นความลับตลอดเรื่องว่า จริงๆ แล้วเหตุการณ์ในตอนเปิดเรื่องเป็นยังไงกันแน่

โดยทั้งสองปมนี้จะถูกเฉลยในตอนท้าย และยังผลักดันเรื่องราวไปต่อได้อีกในองค์สุดท้าย ไม่ใช่แค่จบภารกิจตอนต้นเท่านั้น ซึ่งในองค์สุดท้ายตัวเรื่องถูกพลิกมาเป็นอีกแนวที่ไม่ใช่ฉากยิงกันในสงคราม แต่เป็นฉากภารกิจสุดท้ายจากการตัดสินใจของตัวละครที่เหลือรอดอยู่ว่าจะจบสงครามนี้ลงแบบไหน ซึ่งช่วยเคลียร์ปมเรื่องราวลูกของนางเอกพร้อมกับภารกิจหยุดสงครามได้ค่อนข้างดีเลย

แม้จะมีกังขาอยู่บ้างว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น แต่นั่นก็ไม่ใช้พ้อยท์หลัก เพราะหัวใจหลักของเรื่องคือความรักของแม่ที่มีต่อลูกที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวทั้งหมดมาถึงจุดนี้ (มีช่วงเอนเครดิตสวยๆ ประกอบให้เห็นด้วย)

รีวิว Black Crab

ตัวผลกระทบในเรื่องนี้ก็ไม่ได้จำกัดแค่ในทะเลน้ำแข็ง แต่ในเรื่องนี้ยังรวมถึงพื้นดินด้วยที่มีแต่ความหนาวเหน็บทั้งเรื่อง ซึ่งบางครั้งกลุ่มตัวเอกก็ต้องขึ้นไปพื้นดินบ้าง แต่ก็ไม่มีการได้หยุดพักกันจริงๆ เลยสักครั้ง เพราะในเรื่องนี้ทุกครั้งที่หยุดพักจะมีฉากยิงกันตามมาเสมอ เป็นหนังที่ขยันใส่ฉากยิงกันมาต่อเนื่องแบบแทบไม่มีพักเบรคอะไรกันเลย

ตอบโจทย์คอหนังสงครามยิงกันได้แน่นอน และตัวละครทั้งหมดของเรื่องก็มีส่วนในการสู้รบทั้งหมด ไม่ได้โฟกัสที่นางเอกเพียงคนเดียว ทุกคนมีบทบาทกับการเดินเรื่องช่วยทั้งการรบและส่งบทดราม่า แน่นอนว่าต้องมีคนตาย ตัวเรื่องจะค่อยๆ ตัดตัวละครน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่ทุกคนก็มีบทบาทตอนตายเป็นซีนดราม่าชวนหดหู่ไปกับเรื่องได้พอสมควร (ยกเว้นคนแรกที่อาจจะปุ๊บปั๊บไปหน่อยเท่านั้น) ซึ่งตัวหนังก็สะท้อนความโหดร้ายของสงครามออกมาได้ดีเลย

และอีกจุดเด่นของหนังที่ชอบมากคือ การเป็นหนังสงครามที่สมรภูมิแปลกตามาก เป็นลานสเกตน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตาที่ต้องระวังทั้งข้าศึกและธรรมชาติที่อยู่รอบตัว การถ่ายภาพมุมสูงหรือมุมกว้างที่เห็นทิวทัศน์ของแผ่นน้ำแข็งเป็นลวดลายต่าง ๆ ก็ดูสวยและดูลึกลับไปพร้อมกัน แล้วประกอบกับการออกแบบฉากที่แปลกตาหลายครั้งอย่างทุ่งสังหาร หรือเรือขนาดใหญ่ ที่เกาะกลืนกับแผ่นน้ำแข็ง มันทำให้หนังดูมีรสนิยมอยู่ไม่น้อยเลย

กล่าวได้ว่า ‘Black Crab’ เป็นหนังที่ดูเอาสนุกเอามันก็เพลิดเพลิน ดูภาพเอาเพลินสายตาก็น่าประทับใจ ไม่สั่งสอนคนดูจนเกินงามปล่อยพื้นที่ว่างให้ผู้ชมได้คิดพอสมควร และแม้ตอนจบอาจจะเปลี่ยนโทนหนังไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นการลงของหนังที่ควรจะเป็นได้ดี เป็นประเภทหนังเน็ตฟลิกซ์ที่นาน ๆ ทีเราบังเอิญเปิดเจอแล้วพบว่ามันสนุกจนต้องบอกต่อครับ

รีวิวหนังใหม่ชัด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *