รีวิว alice in wonderland 2010

รีวิว alice in wonderland 2010

รีวิว alice in wonderland 2010

มีสาวน้อยคนนึงชื่ออลิซ ตอนนั้นเธออายุแค่ 19 ปี เธอจำได้แค่ว่าพ่อของเธอได้ขายหุ้นบริษัทให้เพื่อนของพ่อเธอ และพ่อของอลิซก็ได้จากไปก่อน แม่ของอลิซได้พาอลิซไปที่บ้านของฮามิช แอสคอน ลูกชายของเพื่อนสนิทของพ่อเธอ และภายในงานได้มีการจัดฉากปาร์ตี้บังหน้าไว้ เพื่อให้ฮามิชขออลิซแต่งงาน แต่อลิซก็ได้ปฏิเสธไป

และได้วิ่งตามเจ้ากระต่ายใส่ชุดยีนส์ตัวนึง จนไปเจอโพรงไม้ใหญ่ ๆ หลังบ้านของฮามิช จนทำให้อลิซตกลงไปในโพรงไม้นั้น และอลิซก็ได้เจอกับความพิศวงมากมายในวันเดอร์แลนด์ ที่เธอจะต้องช่วยทุกคนเพื่อหาทางให้ตัวเองได้กลับบ้าน  หนังแนะนำใหม่

จุดเด่นของหนัง คือตัวละครอลิซเป็นละครที่สำคัญมาก ๆ เพราะเธอต้องช่วยทุกคนในวันเดอร์แลนด์ เสี่ยงอันตรายมากมาย และยังได้เรียนรู้ถึงมิตรภาพและครอบครัว การเอาชนะความกลัวของตัวเองและการต่อสู้กับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดค่ะ

เป็นหนังที่ให้ข้อคิดกับเรามากมายเลยค่ะ คือการที่เราต้องต่อสู้เพื่อคนหลายคนหรือเพื่อคนที่้เรารัก ถึงแม้ว่าจะกลัวแค่ไหนเราก็ต้องทำมันให้ได้ อย่างเช่นกับตัวอลิซที่คิดว่าตัวเองจะทำไม่ได้และไม่สามารถทำได้ แต่เธอก็เชื่อในคำที่ว่า ” เป็นไปไม่ได้ ” มักเป็นไปได้เสมอ อยากให้ทุกคนได้ดูจริง ๆ ค่ะ สนุกมากจริง ๆ ค่ะ ทำให้เราได้รู้จักตัวละครต่าง ๆ สนุกและได้อรรถรสมาก ๆค่ะ    ดูหนังออนไลน์

รีวิว alice in wonderland 2010

เรื่องราวที่ดูน่าจะมีใครหลายคนเคยคุ้นมาก่อนแล้ว แต่คนอย่างผมกลับคุ้นเพียงชื่อ หากเรื่องราวนั้นไม่เคยรู้มาก่อน งานนี้ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากไปดูหนังตัวอย่างจบไปหลายหนก็แค่นั้น รู้แค่เวอร์ชั่นนี้เป็นของ ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) ผู้มีชื่อการทำหนังแบบแนวๆ ของตัวเอง    ดูหนังฟรี

มาในคราวนี้ ทิม เบอร์ตัน ทำหนังให้วอลต์ดิสนีย์ (Walt Disney Pictures) บ้าง โทนหนังออกมาดูสดใสเมื่อกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นเยาวชน เหตุการณ์เลือดสาดอย่าง ‘Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street’ ไม่มีให้เห็น แต่ยังคงมีความเพี้ยนสไตล์เบอร์ตันอยู่เช่นเดิม แถมถ่ายทำในรูปแบบ 3 มิติเสียด้วย

ด้วยความที่ผมไม่เคยติดตาม ‘Alice in Wonderland’ เวอร์ชั่นเก่าก่อนมาเลย ไม่ว่าจะแบบแอนิเมชั่น หรือใช้คนแสดง นี่คือประสบการณ์ใหม่สด สำหรับการทำความรู้จักกับอลิซและดินแดนมหัศจรรย์ของเธอ

อลิซ (มีอา วาสิโควสกา) สาวสวยวัย 19 ผู้ซึ่งมีจินตนาการและความคิดไม่เหมือนใคร เธอกำลังกังวลใจกับให้คำตอบกับบางสิ่งที่เธออาจยังไม่แน่ใจ และได้หลีกหนีมันอย่างไม่ตั้งใจ ด้วยการพลัดตกลงไปให้รูกระต่าย จนได้พบกับดินแดนสุดประหลาดมหัศจรรย์ ที่รู้สึกว่าจะถูกวาดขึ้นใหม่สไตล์ ทิม เบอร์ตัน โดยดัดแปลงจาก “อลิซ ในแดนมหัศจรรย์” และ “อลิซผจญภัยโลกในกระจก” โดย ลูอิส แครร์โรล

ดินแดนแห่งนี้แรกทีก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่คุ้นเคย แต่ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งจำได้ เธอเคยมาที่นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนั่นเอง ตัวละครมากมายที่ล้วนมาจากจินตนาการของคนแต่งเรื่อง ไม่ว่าจะ คุณกระต่ายขาว ไวท์แรบบิท, ดอร์เม้าส์ หนูตัวจิ๋ว, แฝดยักษ์อ้วนจอมป่วน ทวีเดิลดี กับ ทวีเดิลดัม คู่แฝดที่ดูน่ารักแบบแปลกๆ, หนอนผีเสื้อจอมขี้ยา พ้นควันคลุ้งทั้งวัน

(เจ้าตัวนี้ ได้ยินเสียงพูดก็รู้เลย ว่า เสียงสเนปชัดๆ), แมว เชอร์ชายร์ แมวปากกว้างลีลายียวนแต่ใจดี ชอบลอยไปลอยมาและล่องหน น่าเก็บมาเลี้ยงจริงเชียว และ แมด แฮทเทอร์ (จอห์นนี่ เดปป์ คู่บุญของ ทิม เบอร์ตัน เลยเชียวล่ะ) ที่จะพาให้คุณเพลิดเพลินไปกับหนังตั้งแต่ต้นจวบจนหนังจบ

จอห์นนี่ เดปป์ ยังคงเป็นคู่บุญของ ทิม เบอร์ตัน เช่นเดิม คราวนี้ยังคงไม่ทิ้งมาดกวนๆ เขาแสดงเป็นชายนักทำหมวก ผู้ซึ่งกลายเป็นผู้ช่วยของอลิซ ให้ฝ่าฟันทุกอย่างให้สำเร็จตามคำทำนายบน “ประฏิทิน” แผ่นยาวแผ่นนั้น    alice in wonderland 2010 สปอย

การดำเนินเรื่อง

ในดินแดนชื่อ “อันเดอร์แลนด์” ที่อลิซเรียกว่าเป็น “วันเดอร์แลนด์” นั้น มีราชินีอยู่สององค์ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ราชินีขาว (แอนน์ แฮทธาเวย์) ผู้ซึ่งมีลีลาบุคลิกและการพูดเฉพาะตัว เธอจะยกแขนขึ้นมาตลอดเวลา เอ่ยถ้อยคำอย่างล่องลอยอ่อนหวาน ดูไปนานๆ ก็จะเริ่มขำ เหมือนจะล้อเลียนใครอยู่ในที ขณะที่ ราชินีแดง (เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์) ราชินีผู้อัปลักษณ์หัวโตผู้ชื่นชอบรูปหัวใจอย่างกับอะไรดี เธอครองบัลลังก์และควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในอันเดอร์แลนด์ไว้ในกำมือ  ดูหนังออนไลน์

แต่แน่นอน ผู้ไร้ความปรานี มีรึใครจะจงรักภักดีด้วยใจจริง เราจึงพบว่า พวกเขาไม่แสดงออกในวันที่คนๆ นั้นเป็นใหญ่ แต่รอเวลาที่จะเปลี่ยนขั้วเท่านั้นเอง

อลิซถูกมองว่าเป็นตัวปลอม เพราะเธอไม่มีทีท่าจะเป็นผู้กล้าที่จะมาทำให้ความหวังของทุกคนเป็นจริงได้ ขณะที่ตัวเธอเองก็เฝ้าแต่คิดว่า นี่เป็นเพียงความฝัน หาใช่ความจริงแต่อย่างใดไม่

หากสถานการณ์สร้างวีรสตรีได้เสมอ…    alice in wonderland 2010 เรื่องย่อ

รีวิว alice in wonderland 2010

พล็อตเรื่อง

จินตนาการสุดบรรเจิด ประสมกับภาพเคลื่อนไหวด้วยเทคนิคที่เนียนตา มุกตลกเล็กๆ ที่สอดแทรกเข้ามาไม่มากไม่มาย ไม่ขำก๊ากแต่ก็คิกคักได้ ความน่ารักของมีอา ผู้แสดงเป็นอลิซ ก็ทำให้เพลินเพลิดได้เช่นกัน (แม้ใครจะว่าเธอหน้าแก่ก็ตาม) การดำเนินเรื่องอาจจะไม่ตื่นเต้นไปบ้าง แต่ก็มีจุดพีค ทำให้หนังไม่น่าเบื่อ นี่ถ้าได้ภาพแบบ 3 มิติเต็มๆ คงจะดีไม่น้อย  ดูหนังฟรี

มีจุดที่แย่อย่างหนึ่ง คือ ผมเลือกไปดูในโรง Digital 3D ที่ Paragon Cineplex เพราะรอบของ IMAX 3D ที่นั่งดีๆ ต้องดูรอบดึกๆ พบว่า ภาพที่มองผ่านแว่น 3 มิติไม่ค่อยมีมิติตื้นลึกเท่าที่ควร อีกทั้งซับไตเติลก็ไม่คมชัด ยังพบเห็นการซ้อนเหลี่ยมของตัวอักษร ซึ่งมันช่างต่างกับวันที่ดู Avatar วันนั้นอย่างชัดเจน จะโทษแว่นก็ไม่น่าใช่ น่าจะเป็นที่ภาพมากกว่า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ถ้าดูกับ IMAX 3D จะเกิดเหตุเช่นนี้หรือเปล่า

ใครได้ลองดูแบบ IMAX 3D หรือได้ดูแบบ Digital 3D ของโรงอื่นแล้ว ลองมาแบ่งประสบการณ์กันดูนะครับ  alice in wonderland 2010 เนื้อเรื่อง

รีวิว alice in wonderland 2010

รีวิว alice in wonderland 2010 บทสรุป

ตามจริงหนังไม่ได้มีอะไรมากครับ อาจมีแง่คิดหรือประเด็นบ้างในเรื่องพลังแห่งความเชื่อมั่น จินตนาการ และการคิดนอกกรอบ (ซึ่งก็มีพอประมาณแค่ช่วงต้นกับสรุปท้าย) แต่โดยหลักแล้วเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร จุดขายจริงๆ คือชื่อดาราที่ถือว่ารวมดาวฝีมือดีแห่งยุคมาเจอกัน แล้วก็ Special Effect ที่เนรมิตวันเดอร์แลนด์แดนมหัศจรรย์ให้มีชีวิตสมจริงขึ้นมา ซึ่งถ้าว่ากันในจุดนี้ หนังเนรมิตสำเร็จครับ ดูสมจริงและมีชีวิตชีวามากๆ

นั่นล่ะครับ จริงๆ หนังก็เหมือนวาดวิมานขึ้นมาบนแผ่นฟิล์ม (แทนที่จะวาดอากาศ) แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังพอดูได้ มีอะไรให้ขำ มีอะไรชวนให้เราจับตาดูไปจนจบ แม้พลังดึงดูดอาจไม่แรงแต่ก็ถือว่าไม่เลว

พอนึกถึงจุดนี้ก็คิดขึ้นมาว่า ก็เพราะอารมณ์ขันเพี้ยนๆ การตีความคาแรคเตอร์แปลกๆ และการเล่าเรื่องสไตล์ป๋า Tim นี่แหละ ที่ทำให้หนังที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากเรื่องนี้ ดูแล้วยังให้ความสนุกสนานและบันเทิงเริงใจได้อยู่  alice in wonderland 2010 บทสรุป

สำหรับตัวหนังก็เป็นการจับเอาตำนานอลิซในแดนมหัศจรรย์มายำรวมกันครับ โดยเอา Alice’s Adventures in Wonderland อันเป็นนิยายเล่มแรกมาผนวกเข้ากับ Through the Looking-Glass อันเป็นภาคต่อ (ประพันธ์โดย Lewis Carroll ทั้งคู่) ผลที่ได้ก็ดูเพลินดีครับ เรื่องของเรื่องก็คืออลิซ (Mia Wasikowska) สาวน้อยวัย 19

ที่ชอบฝันถึงดินแดนประหลาดอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เล็กจนปัจจุบัน และในวันที่เธอกำลังจะถูกจับให้แต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เธอก็เจอกระต่ายลึกลับวิ่งอยู่รอบๆ บริเวณนั้น เลยตามไปดู แล้วในที่สุดเธอก็หลุดไปสู่ดินแดนแฟนตาซีวันเดอร์แลนด์ จากนั้นการผจญภัยเพื่อกอบกู้ความสงบสุขของโลกแห่งนี้ก็เริ่มต้นขึ้น

รีวิว alice in wonderland 2010

โดยรวมหนัง

จุดเด่นจริงๆ ของหนังคืองานด้านเทคนิคครับ ออกแบบได้สวย ดูน่าสนใจ ให้อารมณ์แฟนตาซีแบบสุดๆ การแต่งกายก็เลิศมากครับ ดาราก็ถือว่ามือพระกาฬทุกคน ไม่ว่าจะ Wasikowska, Johnny Depp ในบทแม็ด แฮ็ตเตอร์ ที่เพี้ยนได้ใจ และถ้าไม่ใช่ Depp ก็คงเล่นไม่ได้แบบนี้หรอกครับ, Helena Bonham Carter ภรรยาป๋า Tim ก็มาเป็นเรดควีน ราชินีแดงผู้ไร้จิตใจ ขานี้ก็วาดลีลาได้การ์ตูนจ๋าจนน่าจดจำเหมือนกัน ตามด้วย Anne Hathaway ในบทไวท์ควีนที่ดูลอยๆ ตามสไตล์ราชินีฝ่ายนางเอก และ Crispin Glover มาเป็นสเตนน์ ขุนพลจอมสอพลอข้างกายเรดควีน เจ้านี้ก็เพี้ยนได้ไม่แพ้ใครเช่นกัน

ในใจลึกๆ มันบอกอยู่เสมอครับว่าหนังไม่ได้สนุกขนาดนั้น แต่ถ้าจะบอกว่าไม่สนุกก็ไม่ใช่อีก สรุปก็คือหนังออกมาเพลินๆ อย่างที่ผมบอกย้ำนั่นแหละครับ มันไม่ได้สนุกมากหรือดูตื่นเต้นน่าติดตามมาก แต่ก็จัดว่าดูได้ เพลินไปเรื่อยๆ กับตัวละครแปลกๆ นักแสดงเพี้ยนๆ และฉากล้ำจินตนาการ ดูสวยและได้อารมณ์แฟนตาซีแบบน่าพอใจ ที่ถือว่าคุ้มเงินลงทุนระดับ $200 ล้านน่ะครับ และแอบดีใจกับป๋าแกด้วยที่หนังทำเงินทั่วโลกไปตั้ง $1,000 ล้านเหรียญแน่ะ

จริงๆ หนังก็มีจุดเพี้ยนๆ หรือ “ร่องรอยการคิดต่างสไตล์ป๋า Tim” อยู่บ้างน่ะครับ อย่างบุคลิกของตัวละครแต่ละเจ้าที่มีอะไรเพี้ยนๆ ขำๆ แต่ก็เจือด้วยความเศร้าบางประการ และไม่มีใครดีเต็มร้อย (แม้แต่ไวท์ควีนก็ยังดูลอยๆ เหมือนเมาอะไรสักอย่างมา)  alice in wonderland 2010 สนุกไหม

หรืออย่างอลิซเองที่ไม่ได้เป็นนางเอกจ๋า และยังเป็นคนคิดนอกกรอบ ชอบทำอะไรไม่เหมือนผู้หญิงสมัยนั้นที่จำต้องสงบเสงี่ยมเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ ซึ่งบุคลิกที่มีอะไรขัดแย้งกันในที เหล่านี้ถือเป็นสไตล์ป๋า Tim ที่ยังมีกลิ่นตามมาให้เราได้สัมผัสในเรื่องนี้อยู่ รวมถึงอารมณ์ขันแสบๆ ที่ขยันหยอดเป็นระยะ มานั่งนึกๆ ก็รู้สึกว่า “อะไรเหล่านี้ล่ะมั้ง ที่ทำให้เรายังรู้สึกเพลินอยู่” และ “อะไรเหล่านี้ล่ะมั้ง ที่ชูรสให้หนังยังมีรสอร่อยบ้าง”

สารภาพว่าลึกๆ แล้วคาดหวังอะไรมากกว่านี้จากป๋า Tim แต่พอมานั่งนึกอีกทีก็ไม่รู้จะหวังอะไรไปทำไม เพราะป๋าแกทำมาให้ดูประมาณนี้แล้วน่ะครับ หวังไปก็ผิดหวังเปล่า ดังนั้นป๋าแกทำแบบนี้มา แล้วมันก็ไม่ได้ขี้ริ้วอะไร และถ้าจะว่าไปหนังก็ยังคงเป็นลายเซ็นต์ของป๋า Tim อยู่นั่นแหละครับ เพราะหนังยังมีความเพี้ยน ความเหนือจริง การหลุดออกจากกรอบ (ทั้งตัวหนังและแนวคิดของตัวละคร) และการก้าวข้ามคำว่า “เป็นไปไม่ได้” ซึ่งดูเหมือนว่าคำๆ นี้จะไม่มีอยู่จริงในสไตล์ของป๋าแก พอคิดดังทั้งหมดนี้แล้วก็เลยขอเพลินไปกับหนังของป๋าเรื่องนี้แล้วกัน

ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่   รีวิวหนังใหม่ชัด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *