รีวิว อภิมหาสงครามล้างโลก

รีวิว อภิมหาสงครามล้างโลก

รีวิว อภิมหาสงครามล้างโลก

เรื่องราวของ “Ray Ferrier” กรรมกรท่าเรือที่ได้หย่าร้างกับภรรยาของเขา เขาทำงานเป็นผู้คุมรถเครนที่ท่าเรือใน นครนิวยอร์ก และเขาได้ห่างกับลูกๆ ของเขา : “Rachel” ลูกสาวอายุ 10 ขวบ และ “Robbie” ลูกชายของเขา จนกระทั้งอดีตภรรยาของเขา “Mary Ann” ได้ไปส่งลูกๆ ทั้งสองไปที่บ้านของเขา

ต่อมาไม่นานนัก ก็ได้มีพายุประหลาดเกิดขึ้นที่ทำให้เกิดฟ้าผ่าหลายรอบตรงสี่แยกที่อยู่ใกล้กับบ้านของเขา “Ray” จึงได้ไปดูที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นที่ ที่มีเครื่องจักรสงครามขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาและได้ใช้อาวุธทำลายพื้นที่รอบๆ ทำให้ “Ray” ต้องพาลูกๆ ของเขาขึ้นรถตู้เพื่อหนีเข้าเมืองไป  หนังแนะนำใหม่

War of the Worlds (2005)
อภิมหาสงครามวันล้างโลก
Director: Steven Spielberg
Genres: Adventure / Sci-Fi / Thriller

เรย์ เฟอร์เรียร์ (ทอม ครูซ) คนงานท่าเรือที่ตกพุ่มม่ายและเป็นคุณพ่อที่ไม่สมบูรณ ์แบบ ไม่นานหลังจากอดีตภรรยาของเขา (มิแรนด้า อ็อตโต้) และสามีใหม่ของเธอพา ร็อบบี้ (จัสติน แช็ตวิน) ลูกชายวัยรุ่น และ เรเชล ลูกสาวตัวน้อยของเขา (ดาโกต้า แฟนนิ่ง) มาแวะเยี่ยม และอาศัยในช่วงสุดสัปดาห์ ก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดที่จะเปลี่ยนแปลง

ชีวิตพวก เขาไปตลอดกาล เมื่อเครื่องจักรสงครามลักษณะเหมือนหอคอยสามขาโผล่มา จากใต้พื้นโลก และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก นั่นคือการบุกโจมตีโลกครั้งแรกของพวกมนุษย์ต่างดาว เรย์ ต้องพยายามตะเกียกตะกายเพื่อช่วยลูกๆเของเขา ให้พ้นจากความหายนะจากศัตรูที่ไร้ความปราณีเหล่านี้ แต่ไม่ว่าจะหนีไปทางใด ก็ไร้ซึ่งความปลอดภัยและที่พักพิง มีเพียงความมุ่งมั่นที่ยากจะทำลายได้ของเรย์เท่านั้น ที่จะปกป้องคนที่เขารักได้!!

เรื่องราวก็ว่าด้วยเหตุการณ์มนุษย์ต่างดาวมาบุกโลกน่ะครับ หนังก็โฟกัสมาที่เรื่องของเรย์ เฟอร์เรียร์ (Tom Cruise) คนงานท่าเรือที่ต้องรับหน้าที่ดูแลลูกในช่วงสุดสัปดาห์ เพราะภรรยาเก่าของเขา (Miranda Otto) จะไปทำธุระกับแฟนใหม่ ซึ่งก็แน่ล่ะครับความสัมพันธ์ระหว่างเรย์ กับ ลูกทั้งสองซึ่งก็มี ร็อบบี้ (Justin Chatwin) และ เรเชล

(Dakota Fanning) ก็ค่อนข้างจะระหองระแหงสุดๆ แต่แล้วไม่นานเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเกิดเมฆดำปกคลุมเมือง ตามด้วยฟ้าผ่า และพื้นถนนก็ค่อยๆ ยุบตัวลง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการทำลายล้างโลกของพวกมันครับ ซึ่งเรย์ก็เลยต้องพาลูกทั้งสองหนีเพื่อชีวิตรอด แล้วหนังจะเป็นไงต่อไปก็ลองไปดูกันต่อแล้วกันครับ

เอาล่ะ เมื่อผมดูจบ ยอมรับเลยว่า เหนื่อยมากครับ หนังบ้าอะไรก็ไม่รู้ คือช่วง 15 นาทีแรกมันก็จะเรื่อยๆ แต่ก็โอเคนะครับ เป็นการปูพื้นตัวละครได้ดีพอควร และพอนาทีที่ 16 เท่านั้นแหละ เรื่องหายนะสารพัดแบบก็ถูกใส่ลงมาแบบไม่ยั้ง แทบไม่มีเวลาให้พักหายใจเลยอ้ะคับ ความลุ้นนี่ใส่เข้ามาตลอด และฉากการทำลายล้างก็ต้องบอกว่าเฉียบมาก

คือมันก็ไม่เชิงว่าแปลกใหม่นะครับ ผมว่าคอหนังหายนะน่าจะคุ้นเคยกันมาบ้างแหละ พวกตึกถล่ม แผ่นดินแยกไรเงี้ย แต่เฮีย Steven Spielberg แกสามารถนำเสนอออกมาได้อย่างน่าสนใจและตื่นเต้นมาก ยิ่งไอ้ตอนเกิดเรื่องครั้งแรกนั่นมันฉับพลันแบบไม่ทันตั้งตัวจริงๆ ครับ แล้วเรื่องมันก็เกิดต่อๆๆๆ กัน คือถ้าผมไปอยู่ในเหตุการณ์จริงคงทำอะไรไม่ถูกแล้วล่ะคับ และหนังก็สามารถทำให้คนดูรู้สึกเหมือนอยู่ร่วมในความหายนะนั้นด้วย  ดูหนังใหม่

รีวิว อภิมหาสงครามล้างโลก

รีวิว อภิมหาสงครามล้างโลก

รีวิว war of the worlds  หนังเรื่องนี้เป็นหนัง Sci-Fi แนวเอเลี่ยนบุกโลก โดยเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังหลายเรื่องที่ผมถูกใจมากคับ ในเรื่องนั้นพระเอกเป็นคนงานในท่าเรือและเป็นพ่อม่ายแต่ต้องมารับดูแลลูกสาวและลูกชาย ที่ภรรยาคนเก่านำมาฝากให้ดูแลในช่วงสุดสัปดาห์ แต่เกิดเหตุบางอย่างคือ มีพายุขนาดใหญ่เคลื่อนตัวเข้ามาในเมือง จากนั้นก็เกิดฟ้าผ่าลงมาในเมืองหลายครั้ง พระเอกจึงเข้าไปดูในเมืองว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเกิดก็มีหุ่นยนต์ยักษ์โพล่ขึ้นมาจากรูที่ฟ้าผ่าลงมาแล้วเริ่มสังหารผู้คน  เว็บหนัง

พระเอกวิ่งหนีสุดชีวิตกลับไปยังบ้านแล้วพาลูกทั้งสองคนขึ้นรถ แล้วขับออกไปจนไปถึงบ้านหลังหนึ่งแล้วไปอาศัยนอนในห้องใต้ดินบ้านหลังนั้น พอตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่ามีเครื่องบินตกลงมาในบ้านที่เขาอาศัยอยู่ จากนั้นพวกเขาก็เจอนักข่าวกลุ่มหนึ่ง แล้วนักข่าวกลุ่มนั้นก็ได้อธิบายเหตุการต่างๆที่เกิดขึ้นว่ามันเกิดขึ้นทั่วโลก จากนั้นพระเอกจึงได้ตัดสิ้นใจ

ว่าจะพาลูกๆไปหาแม่ของเขา แต่ระหว่างทางที่พวกเขาพยายามจะข้ามแม่น้ำนั้น พวกเขาก็โดนเอเลี่ยนโจมตี แต่พวกเขาก็รอดมาได้ จากนั้นพวกเขาก็เดินไปในทุ่งนาแห่งหนึ่งแล้วพบกับกองกำลังทหารต่อสู้เพื่อที่จะยืดเวลาให้ประชาชนอพยพกันอยู่

พวกเขาจึงหนีไปอาศัยอยู่ในห้องใต้ดินของโรงนาแห่งหนึ่งที่มีชาวนาคนหนึ่งอาศัยอยู่แล้ว พอเวลาผ่านไปชาวนาคนนั้นได้ไปเห็นวิธีที่เอเลี่ยนสั่งหารคนเพื่อนำเลือดออกมาพ่นในอากาศ จนชาวนาคนนั้นเกิดอาการสติแตก คนพระเอกต้องฆ่าชาวนาคนนั้น จากนั้นเอเลี่ยนก็ได้มาพบที่ซ่อนของพวกเขา และจับลูกสาวไปทำให้พระเอกต้องขึ้นไปช่วย

แล้วสามารถระเบิดหุ่นยนต์เอเลี่ยนได้ตัวหนึ่ง หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปถึงเมืองที่ภาายาพระเอกอยู่แล้วเขาก็ได้สังเกตุเห็นว่าเอเลี่ยนมีท่าทางที่แปลกไป จนสังเกตุได้ว่าพวกมันเริ่มตายแล้ว พอหลังจากนั้นพวกเขาก็ไปถึงบ้านของภรรยาเก่าของเขา  war of the worlds สปอย

ที่ผมชอบเรื่องนี้เพราะไม่ได้มีเพราะเอฟเฟ็คที่สวยงามอย่างเดียว แต่ยังมีเนื่อเรื่องที่สนุกและน่าตื่นเต้นด้วย อีกทั้งตอนจบยังมีประโยคที่บอกว่า มันไม่ได้ตายเพราะอาวุธหรือสาตราวุธใดบนโลก แต่มันตายเพราะโดนหมากที่พระเจ้าได้วางไว้ตั้งแต่แรกนั้นคือ แบคทีเรียต่างๆ หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือ เอเลี่ยนเป็นหวัดตาย

รีวิว อภิมหาสงครามล้างโลก

การดำเนินเรื่อง

ถ้าจะบอกว่าเป็นหนังหายนะที่่พาไปสัมผัสภึงการเอาตัวรอดก็ถือว่าชัดเจนในแบบสิ้นหวัง เพราะการทำทุกวิถีทางของเรื่องต่างพากันเอาตัวรอดและดูถ้าจะไปได้ดีแต่กลับไม่ได้ช่วยอะไรเลยแต่ยิ่งดูยิ่งทรมานกับการดิ้นรนหนีที่ไม่มีวันจบ สิ่งที่สำคัญคือการใช้สติให้มากและต้องเร็วกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันให้ตื่นตัวเสมอ จะเห็นได้ว่าเรย์มีการใช้สติตลอด

ไม่พยายามจะใช้อารมณ์ให้มากเพราะเห็นแก่หน้าลูกๆ แต่บางครั้งบางสถานการณ์ต้องบังคับให้ต้องทำอย่างตอนเรย์ที่เอาผ้าปิดตาเรเชลเพราะมีเรื่องบาดหมางกับออลเลน (Tim Robbins) ที่คุมสติไม่อยู่เพราะการเห็นเอเลี่ยนจับมนุษย์ไปสูบเลือดแล้วรำพึงรำพันโวยวายว่า”ต้องไม่ใช้เลือดข้า” ซึ่งเรย์ก็พยายามห้ามให้เสียงเบาๆแล้ว ดูหนังออนไลน์

ในยามลำบากทุกคนต่างต้องการที่ยึดมั่นและความหวังในการพ้นทุกข์ให้หนีรอดออกไปจนดูเหมือนในทุกโอกาสจะเป็นการบอกจุดอ่อนของมนุษย์อย่างไม่จำเป็นจนดูเป็นปัญหาที่เกิดมากกว่าจะแก้ปัญหาให้จบๆไปอย่างสันติ ในเรื่องมีการแย่งรถที่ไม่สนใจใครขอแค่ได้มาเพราะมีจำกัดและขณะนั้นมีคันเดียว ก็ต่างเป็นที่ต้องการต้องตาในหลายคน

เนื่องจากเป็นพาหนะเคลื่อนที่ที่ดีที่สุดในการหนีเพราะมันมีประโยชน์อย่างมากเพราะว่าในเรื่องเครื่องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะใช้ไม่ได้เลยในช่วงแรกซึ่งรวมกับรถด้วย ทำให้ต่างคนต่างเดินหนีกันอย่างเดียวเพราะพาหนะใช้การไม่ได้แต่เรย์มีความคิดที่ลองในการแก้ไขและประสบผลสำเร็จจนรถวิ่งได้ เรย์จัดเป็นตัวละครที่แสดงถึงความไม่สมบูรณ์แบบ

ในชีวิตที่ดูแล้วอาจเก่งและฐานะการอยู่ก็ใช้ได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าลองมองดีจะเห็นว่าในส่วนบางส่วนเรย์เป็นคนเห็นแก่ตัวที่ตั้งตนเป็นศูนย์กลาง แต่เรย์ยังคงแสดงถึงการห่วงใยและรักลูกๆไม่ให้ทิ้งห่างไปไหน  war of the worlds สปอยหนัง

รีวิว อภิมหาสงครามล้างโลก

พล็อตเรื่อง

เอฟเฟคทำได้ออกมาดีมากแล้วดูเป็นความหายนะแบบเปิดกว้างเห็นได้ชัดถึงการทำลายล้างที่รุนแรง ทั้งฉากพื้นดินที่ค่อยๆแตกออกจนใส่ไปถึงตึกพังถล่มย่อยยับจนดูน่าระทึกตื่นเต้นผสานกับความน่ากลัวของการไล่ล่าที่วิ่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย มุมกล้องใช้ได้ดีจับภาพเป็นขั้นๆได้ดูอลังการถึงฉากต่างๆที่แผ่ซ่านถึงอันตราย จะว่าการออกแบบเจ้า

เอเลี่ยนถือว่ายังดูไม่แปลกตานักเพราะโผล่มาไม่มากจะเน้นที่ตัวเครื่องจักรสามขาไล่ล่าคนที่ดูๆแล้วไม่ค่อยน่ากลัวจนเริ่มแผลงฤทธิ์นี่แหละถึงเรียกว่าน่ากลัวเอามากๆ เพราะความได้เปรียบที่มากมายกว่าชาวโลกจึงเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสที่ยังไม่สามารถจัดการพวกเครื่องจักรได้ และตัวหนังก็เพิ่มความโหดเข้าไปถึงจะดูไม่มีอะไรที่ระคายตาแต่

ยังทำให้ผู้ชมกลัวอยู่ดีเนื่องจากการกระทำของพวกเอเลี่ยนจัดว่าเด็ดขาดเอามากและน่ากลัว ไม่ยอมให้อยู่กันสบายๆได้เลยจำต้องระแวงตลอดว่าจะมาแบบไหนและเมื่อไร บอกได้เลยว่าอยู่เฉยๆก็ไม่มีสุขแล้ว  รีวิวหนังใหม่ชัด

ถ้าว่ากันตามเนื้อเรื่องจุดที่บกพร่องที่จุดคงเป็นช่วงบทสรุปที่โดนตัดไปมากเหมือนจะรีบจบ ถ้าว่ากันตามจริงอาจเป็นหนังยาวที่กินเวลาเกิน 2 ชั่วโมงครึ่งก็ยังได้ เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยความหวาดกลัวของตัวละครที่ต่างทุรนทุรายเอาตัวรอด และหลายฉากมักจะดูแฮปปี้แต่ก็สิ้นหวังในทันทีเพราะการปรากฎตัวของเครื่องจักรสามขาที่พ้นแสงไปมากลาย

เป็นธุลีคงไว้แต่เสื้อผ้าที่ปลิววอนในอากาศ จัดว่าดูน่ากลัวและชวนผวาเพราะเล่นกับจิตใจที่ดูทำร้ายซะเหลือเกินเหมือนฉากเรเชลดูสายน้ำที่สวยงามระยิบระยับที่ผ่านตาแต่ก็พัดพาสิ่งไม่น่าดูตามมาด้วยพร้อมกับดนตรีประกอบที่ผสานบวกเข้าไปจนลืมความสุขหรือปาฏิหาริย์ความหวังที่เกิดขึ้น  war of the worlds ซับไทย

รีวิว อภิมหาสงครามล้างโลก บทสรุป

รีวิว war of the worlds  จะว่าเนื้อเรื่องช่วงแรกตีเข้าปมปัญหาครอบครัวที่ดูไม่ลงรอยกันเลยทั้งเรย์กับร็อบบี้ที่ต่างเหมือนเล่นสงครามเย็นไม่มีการว่าร้ายหรือลงมือทำกันรุนแรงแต่แสดงออกทางท่าทางที่ดูจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเรเชลยังคงเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาที่เจอปัญหาหรืออะไรที่น่ากลัวก็กรี๊ดแตกตลอดเป็นการช่วยเพิ่มความสับสนและกดดันหนังที่อรรถรสไปตามหนัง  war of the worlds บทสรุป

Tom Cruise แสดงได้ก็พอโอเคแต่รู้สึกแปลกที่ดันมีลูกเป็นวัยรุ่นทั้งที่หน้าบอกยี่ห้อว่าไม่แก่ขนาดนั้น ก็ว่าเวลาดูดุกับลูกๆก็เหมือนจะรู้สึกแปลกๆไม่ใช่ไม่ได้อารมณ์แต่เป็นดูเหมือนขาดความห่วงใยแบบซึ้งๆไป ตัวหนังที่เริ่มด้วยปมปัญหาครอบครัวโดยมีเอเลี่ยนบุกโลกเข้ามาพัวพันจัดว่าต้องการนำเสนอมุมมองที่แอบซึ้งเอาไว้ตอนท้าย

จากคนที่รับผิดชอบน้อยดูไม่เอาถ่านหวังให้สำนึกถึงชีวิตที่ดิ้นรนมาจนตอนสุดท้าย แต่นั้นยังคงไม่มากพอให้จับใจเพราะตอนไคลแม็กซ์ที่รัดรวบเหลือเกิน ถ้าว่าตามธรรมชาติก็แฝงไว้ด้วยการเอาตัวรอดต่างๆที่ถึงแม้เห็นแก่ตัว ก็ยังคงสร้างความกล้าหาญไว้มากมายทั้งทหารที่สู้กันไม่รู้จักหยุดจนท้องฟ้าสีแดงกระหน่ำกันยิงสู้ไม่ถอยถึงจะเป็นรองมาเสมอ เรื่องกำลังใจตัวหนังก็สร้างออกมาเรื่อยๆถึงแม้จะดูสิ้นหวังและกดดันชวนหดหู่ว่าควรทำยังไงดีเพราะทางเลือกมีแค่ทางเดียวในขณะที่ต้องใช้ตัวเลือกที่มากกว่าหนึ่ง

โดยรวมหนัง

ก็นั่นแหละครับที่ผมคิด หนังดีตลอดครับ แต่ถ้าจะพร่องก็ตรงบทนำของพี่ Tom และแม้จะยังคงยึดบทสรุปที่ดีตามนิยาย แต่น่าจะเพิ่มความเร้าใจอีกซะหน่อย เพื่อความตื่นเต้นอย่างต่อเนื่องน่ะนะครับ

สรุปว่าเฮีย Spielberg ทำเกือบสำเร็จครับ มีแผ่วตอนท้ายไปหน่อย แต่จุดอื่นดีครับ ยิ่งเรื่องเกี่ยวกับความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เนี่ย ผมว่าดีทีเดียว ตอนแรกก็หวั่นๆ อยู่ล่ะครับ เพราะเฮียแกชอบมองโลกแง่ดีตลอดเวลา เลยไม่รู้ว่าพี่แกจะจับประเด็นนี้มาหรือไม่ แต่ปรากฎว่าแกก็ทำได้ค่อนข้างดีครับ แต่ก็อดเอาแง่มุมการมองโลกแง่ดีมาใส่ไม่ได้เหมือนเคย แต่ก็ดีครับ ไม่ได้ขัดต่อหนังแต่อย่างใด จริงๆ มันเพิ่มความลึกให้กับหนังอีกด้วยล่ะ

แม้ บทสรุปมันจะพร่องความเร้าใจไปบ้าง แต่สาระในตอนจบยังครบครับ (สาระเดียวกับฉบับก่อนน่ะแหละ) นั่นคือ โลกของเราเนี่ย มันมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกมากมายครับ ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยกัน ดังนั้นก็อย่าไปเบียดเบียนอะไรกันมากมายนักเลยครับ … อย่าว่าแต่เบียดเบียนสัตว์เลย เอาแค่เพื่อนมนุษย์นี่แหละ อยู่กันอย่างดีๆ ไม่เบียดเบียนนี่มันน่าจะดีจริงมั้ยล่ะครับ ลดความเห็นแก่ตัวมาเป็นเห็นแก่กันทั้งคนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ถ้าคิดแบบนี้ได้คงดีอะคับ (แต่มันยากจิงๆ)

สรุปนะครับ นี่เป็นหนังแนวหายนะแบบมนุษย์ต่างดาวบุกโลกที่ทำได้ตื่นเต้นมากเรื่องหนึ่ง ถ้าชอบแนวนี้ล่ะก็ไปดูได้เลยครับ ผมกับเพื่อนที่ไปดูนี่นั่งเกร็งกัน ตอนออกจากโรงนี่ซอมบี้มาแต่ไกลเลยครับ โยกไปเยกมาจนพนักงานมองตามกลัวจะเป็นอะไรในโรงหนังเขา แต่อย่าไปหวังตอนจบมากนักก็แล้วกันนะครับ (มันจบด้วยอารมณ์ไซไฟครับ ไม่ได้จบด้วยความมันส์ ซึ่งหลายๆ ท่านอาจไม่ชอบใจนัก) และความลึกของตัวละครก็ยังไม่เต็มที่ด้วย  war of the worlds สนุกไหม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *