รีวิวหนัง spiderman : no way home
spiderman : no way homeหรือชื่อไทยว่า สไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮม เป็นครั้งแรกที่ Spider-Man ไม่ต้องซ่อนตัวใต้หน้ากากอีกต่อไป และเขาไม่สามารถแยกชีวิตในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ออกจากชีวิตปกติได้อีกต่อไป เมื่อเขาไปขอให้ด็อกเตอร์สเตรนจ์ช่วยเหลือ แต่มันกลับกลายเป็นวุ่นวายกว่าเดิม บังคับให้เขาต้องหาทางแก้ไขและหาความหมาย
ของการเป็นสไปเดอร์แมน หนังเรื่องนี้จะแนะนำสิ่งที่เรียกว่า Multiverse ในจักรวาลมาร์เวลอย่างเป็นทางการ พร้อม ๆ กับวายร้ายจากทั้ง Spider-Man และ The Amazing Spider-Man ก็จะมาปรากฎตัวด้วยเช่นกัน หนังแนะนำใหม่
หนังได้เล่าเรื่องราวสานต่อจากที่ทิ้งเอาไว้ในภาคก่อน เมื่อไอ้แมงมุมไม่ต้องซ่อนตัวใต้หน้ากากอีกต่อไป และเขาไม่สามารถแยกชีวิตในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ออกจากชีวิตปกติได้อีกต่อไป กลายเป็นความยุ่งเหยิงในชีวิตโดยแท้ ทำให้เขาตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากด็อกเตอร์สเตรนจ์ แต่ปรากฏว่าทุกอย่างดูเหมือนจะวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม และบีบบังคับให้เขาต้องหาทางแก้ไข พร้อมทั้งเฝ้าหาความหมายที่แท้จริงของหน้าที่การเป็นสไปเดอร์แมน ดูหนังออนไลน์
เรื่องย่อ
เป็นครั้งแรกที่ ‘Spider-Man’ ไม่ต้องซ่อนตัวใต้หน้ากากอีกต่อไป และเขาไม่สามารถแยกชีวิตในฐานะซูเปอร์ฮีโรออกจากชีวิตปกติได้อีกต่อไป เมื่อเขาไปขอให้ด็อกเตอร์สเตรนจ์ช่วยเหลือ แต่มันกลับกลายเป็นวุ่นวายกว่าเดิม บังคับให้เขาต้องหาทางแก้ไขและหาความหมายของการเป็นสไปเดอร์แมน หนังเรื่องนี้จะแนะนำสิ่งที่เรียกว่า Multiverse ในจักรวาลมาร์เวลอย่างเป็นทางการ พร้อม ๆ กับวายร้ายจากทั้ง ‘Spider-Man’ และ ‘The Amazing Spider-Man’ ก็จะมาปรากฎตัวด้วยเช่นกัน ดูหนังฟรี
ดูเหมือนว่าชะตากรรมของเพื่อนบ้านผู้แสนดีอย่าง ‘สไปเดอร์-แมน’ จะเริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ขึ้นทุกที ๆ ครับ หลังจากที่รับงานฮีโรระดับเบอร์รองมาแล้วใน 2 ภาคก่อน ภาคนี้ในฐานะที่เป็นหนังในช่วงต้นของ MCU ในเฟส 4 ที่กำลังเดินหน้าปูพื้นเรื่องราวแบบ ‘พหุจักรวาล’ หรือ ‘มัลติเวิร์ส’ (Multiverse) เพื่อขยายขอบเขตวิธีการเล่าเรื่องให้กว้าง
กว่าแนวแอ็กชันแบบเดิม ซึ่งตอนนี้มีซีรีส์ใน Disney+ ที่ปูพื้นเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วทั้ง ‘Loki’ และแอนิเมชัน ‘What If…? ‘ ซึ่งซีรีส์ทั้งสองเรื่องนี้เป็นตัวสรุปอย่างชัดเจนว่า มัลติเวิร์สคือแกนหลักสำคัญและความโกลาหลครั้งใหญ่ที่เหล่าฮีโรต้องรับมือให้ได้ ซึ่งในหนังเรื่องนี้ก็ดูเหมือนว่าความโกลาหลนั้นได้ปรากฏชัดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
และไอ้แมงมุมก็ถือว่าเป็นฮีโรตัวแรก ๆ ที่ต้องรับผลแห่งความโกลาหลนี้แบบชัด ๆ spiderman : no way home เรื่องย่อ
รีวิวหนัง spiderman : no way home
ส่วนเรื่องราวในภาคนี้ก็จะเล่าต่อจาก End Credits ตัวแรกที่ทิ้งเอาไว้ในภาคก่อนหน้า (Spider-Man : Far From Home (2019)) ซึ่งถ้าใครที่ยังไม่ได้ดู ก็ต้องขอเบรกให้ไปหาดูก่อนให้เรียบร้อยก่อนนะครับ (ทั้งสองภาคมีให้ดูใน HBO GO) เพราะว่าเนื้อเรื่องของภาคนี้จะเริ่มต้นมาจาก End Credits ตัวนั้นแหละ หลังจากที่สไปเดอร์แมนสามารถโค่น ‘มิสเทริโอ’ (Jake Gyllenhaal) ได้สำเร็จ ดูหนังออนไลน์
มิสเทริโอก็วางระเบิดตูมสุดท้ายด้วยการปล่อยคลิปเฟกนิวส์ผ่านจอ LED ที่กล่าวหาว่าปีเตอร์เป็นคนสังหารเขาอย่างป่าเถื่อน กล่าวหาว่าปีเตอร์โอ่อ้างจะเป็นไอรอนแมนคนถัดไป ข่าวนี้ยังไปถึงหู ‘เจ. โจนาห์ เจมส์สัน’ (J.K. Simmons) นักข่าวสำนักข่าวออนไลน์ TheDailyBugle.net ออกมาแฉ (จากข้อมูลของมิสเทริโอ) จนทำให้คนทั้งโลกรู้กันไปทั่วว่าสไปเดอร์แมนคือปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ spiderman : no way home รีวิว
และในภาคนี้ แน่นอนว่า ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เพื่อนบ้านที่แสนดี ถูกภัยเฟกนิวส์ตราหน้าจนทำให้ใช้ชีวิตยากลำบากกว่าเดิม แถมพาให้คนรอบข้างทั้งคนรักอย่าง ‘เอ็มเจ’ (Zendaya) เพื่อนซี้สาย Geek อย่าง ‘เน็ด ลีดส์’ (Jacob Batalon) และ ‘ป้าเมย์’ (Marisa Tomei) ต่างพากันเดือดร้อนกันไปด้วย ปีเตอร์เลยจำต้องไปขอความช่วยเหลือ
กับหมอแปลก ‘ดอกเตอร์สเตรนจ์’ (Benedict Cumberbatch) เพื่อให้ช่วยร่ายมนต์ลบความทรงจำของผู้คนว่าปีเตอร์ ปาร์คเกอร์คือสไปเดอร์-แมน แต่ด้วยความผิดพลาดบางอย่าง ผลก็คือทำให้วายร้ายจากมัลติเวิร์สหลุดเข้ามาปั่นป่วนโลกของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับจักรวาล
การดำเนินเรื่อง
ก่อนอื่นใดคงจะต้องปรบมือชื่นชมคนที่หลบหลีกสปอยล์หนังเรื่องนี้ได้อยู่หมัด รอไปพิสูจน์กับตาตัวเองในโรงหนัง พวกคุณเก่งมากจริงๆ เพราะว่า Spider-Man: No Way Home แทบจะเป็นหนังมาร์เวลที่ไม่สามารถนำไปร้อยเรียงเล่าให้คนอื่นฟังได้แบบไม่ติดสปอยล์เนื้อหาไปด้วยไม่ได้เลย เพียงแค่เริ่มต้นฉายเพียงไม่กี่นาทีก็สาดอีสเตอร์เอ้กเข้ามาแบบไม่ยั้ง มีอะไรให้เซอร์ไพรส์ผู้ชมอยู่ตลอดระยะกว่า 2 ชั่วโมงเศษของหนังจริงๆ ดูหนังฟรี
แน่นอนว่าก็เป็นการเขียนรีวิวหนังที่ค่อนข้างยากเป็นพิเศษ เพราะต้องคอยหลบเลี่ยงไม่ให้หลุดสปอยล์หนังออกไปอย่างเด็ดขาด ดังนั้นหากว่าใครจะแอบมาเสาะหาสปอยล์เนื้อหาในบทความนี้…ก็ไม่น่าจะมีให้เห็น แต่ก็นับว่า Spider-Man: No Way Home ค่อนข้างกล้าที่จะหยิบโยงและร้อยเรียงโครงเรื่องออกมาในรูปแบบนี้ และในเมื่อหยิบเส้นเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อโครงการของจักรวาลมาร์เวลต่อไป เป็นสิ่งที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง spiderman : no way home สปอย
รีวิวหนัง spiderman : no way home บทสรุป
ถึงกระนั้นบทหนังของ Spider-Man: No Way Home ก็มองว่ายังไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยมดีสุด แต่เนื่องด้วยแก่นสารและหัวใจหลักของเรื่องค่อนข้างหนักแน่นเป็นอย่างดี จึงทำให้ส่วนประกอบตรงนั้นมาช่วยอุดรอยรั่วต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดรายทางของหนังได้ค่อนข้างใช้ได้ บางครั้งก็ยังแอบคิดไปด้วยว่าหนังค่อนข้างเยิ่นเย้ออยู่บ้าง บางจุดยังสามารถทำให้กระชับได้ยิ่งขึ้นกว่านี้
ในขณะที่งานสร้างผ่านวิสัยทัศน์ของผู้กำกับ “จอน วัตต์ส” ก็ค่อนข้างน่าพอใจ เขารู้จักวิธีและจังหวะในการเล่าเรื่องของแฟรนไชส์นี้เป็นอย่างดี แม้ว่าในภาคนี้จะมีการชูประเด็นดราม่าขึ้นมาโดดเด่นกว่าภาคก่อนที่ผ่านมา แต่ในองค์ประกอบทั้งแอคชั่น, ตลก และดราม่า ก็นำมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และมอบรสชาติที่ค่อนข้างกลมกล่อมให้กับผู้ชม ผ่านการออกแบบมุมภาพและมุมกล้อง รวมทั้งส่วนต่างๆ ที่น่าประทับใจในระดับหนึ่ง
“ทอม ฮอลแลนด์” ที่โตขึ้นในบทไอ้แมงมุมในภาคนี้อย่างชัดเจน จึงกลายเป็นข้อดีที่ได้เห็นพัฒนาการของคาแรกเตอร์นี้ด้วย หนังยังมีส่วนประกอบของการก้าวข้ามวัยอยู่ และทอมก็ยังสามารถถ่ายทอดออกมาได้ดี พร้อมกับยังแบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่องได้สบายๆ เช่นเดียวกับ “เซนดายา” และ “เจคอบ บาตาลอน” ที่มาร่วมสมทบและส่งเสริมประคับประคองหนังเอาไว้ในรูปแบบทีมเวิร์ก spiderman : no way home บทสรุป
ทางด้าน “เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์” ที่ตอนแรก็นึกว่าจะมาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงไอ้แมงมุมคนใหม่ แต่กลับมีรายละเอียดที่มากไปกว่านั้น และเขาก็ยังกลับมารับบทเป็นหมอแปลกที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ขับคาแรกเตอร์ออกมาได้อย่างล้นหลาม ไม่เพียงเท่านั้น ภาคนี้ยังเพิ่มมิติและให้ความสำคัญกับตัวละครของ “มาริสา โทเม” กับ “จอน ฟาฟวโร” อย่างมีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
โดยรวมหนัง
เอาเป็นว่า Spider-Man: No Way Home โดดเด่นด้วยการเซอร์วิสแฟนๆ ได้อย่างมีชั้นเชิง การที่ได้เห็นการเปิดมัลติเวิร์สและเห็นเหล่าร้ายจากจักรวาลอื่นๆ ของหนังไอ้แมงมุมกลับมารวมตัวกันอีกครั้งก็ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่ชุ่มฉ่ำไปทั้งหัวใจผู้ชมแล้ว หนังยังรับบทบาทเซอร์วิสแฟนๆ ยิ่งเข้าไปอีกเรื่อยตามท้องเรื่อง ที่ในท้ายที่สุดได้กลั่นกรองออกมาเป็นพลังแห่งความสุขที่ล้นเปี่ยมหลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องจบลง
คงจะบอกได้ว่า Spider-Man: No Way Home ก็น่าจะเป็นหนังภาคที่ดีที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับ 2 ภาคแรกที่ผ่านมา ด้วยองค์ประกอบต่างๆ และเส้นเรื่องกับหัวใจของเรื่องที่หนักแน่นเป็นอย่างดี รู้จักเป็นอย่างดีกว่าแฟนๆ ต้องการอะไร ใส่จังหวะโบ๊ะบ๊ะและประเด็นเสียดสี จิกหัวตัวเอง, ค่ายหนัง และจักรวาลหนัง ได้อย่างถูกจังหวะ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาก็สามารถตอบโจทย์นั้นออกมาได้เป็นอย่างดี spiderman : no way home สนุกไหม
และนอกจากนี้ การที่ได้เห็นปฏิกิริยาของผู้ชม ต่างพากันหวีดร้องส่งเสียงออกมาด้วยความเซอร์ไพรส์ระหว่างดูหนัง คงจะต้องขอบคุณหนังเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ที่ได้มอบประสบการณ์แบบนี้ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะนับตั้งแต่โควิด-19 อุบัติขึ้นบนโลกใบนี้ เราก็ห่างหายไปจากโมเมนต์อะไรแบบนี้ไปสักระยะหนึ่งแล้วเช่นกัน
ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รีวิวหนังใหม่ชัด